TEAMG บวก3% คาดกำไรปีนี้ทุบสถิติสูงสุดใหม่ หลังคว้างานต่อเนื่อง-ตุนแบ็กล็อกแน่น3.48พันลบ.

TEAMG บวก3% คาดกำไรปีนี้ทุบสถิติสูงสุดใหม่ หลังคว้างานต่อเนื่อง-ตุนแบ็กล็อกแน่น3.48พันลบ. โดย ณ เวลา 15.05 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ 2.73% สูงสุดที่ระดับ 2.32 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12.23 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ณ เวลา 15.05 น. อยู่ที่ระดับ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท หรือ 2.73% สูงสุดที่ระดับ 2.32 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12.23 ล้านบาท

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากที่ 9 เดือนแรกมีกำไรแล้ว 92.58 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับกำไรทั้งปี 60 ที่อยู่ในระดับ 98.68 ล้านบาท เป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุน โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารจัดการด้านทรัพย์ยากรมนุษย์ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ใกล้เคียงกับ 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ที่ 7.38% สูงกว่าปีก่อน 6.1%

อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่ารายได้อาจจะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10% โดยในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมารายได้เติบโตเพียง 3% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของการส่งมอบพื้นที่เพื่อที่จะเข้าเริ่มโครงการ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟรางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ และงานในประเทศ สปป.ลาวที่มีความล่าช้าไปกว่าแผนเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม งานต่างๆ จะสามารถเริ่มได้ในไตรมาส 4/61 นี้ทั้งหมด

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/61 ยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้ดี ขณะที่บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าไปรับงานเมกะโปรเจ็คต์ภาครัฐที่มีออกมามากขึ้น รวมถึงงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) งานอาคารขนาดใหญ่ และงานโครงสร้างพื้นฐานอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคมนาคมระบบราง

โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3,477 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/61 ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท และบริษัทยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ ทั้งโครงการใน EEC คือรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และงานด้านอื่นๆ พร้อมกันนี้ยังมีงานท่าเรือแหลมฉบังเฟสใหม่ งานอาคารสำนักงานของภาครัฐ คาดว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท โดยอย่างช้าจะรู้ผลการประมูลในช่วงต้นปี 62

ทั้งนี้ นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู รถไฟรางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีส้ม โรงงานยาสูบ และยังมีโครงการจากภาคเอกชนอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จาก Backlog ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทยังศึกษาโอกาสขยายฐานลูกค้าออกไปในอาเซียนโดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งบริษัทยังวางแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท โดยจะเดินหน้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 10 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย บรูไน และสิงคโปร์ จากปัจจุบันที่ให้บริการใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว เมียนมา และกัมพูชา

Back to top button