“โกลเบล็ก”มองกรอบSETสัปดาห์นี้1,640-1,690จุด ชู6หุ้นเด็ดรับมอเตอร์เอ็กซ์โป-ช้อปช่วยชาติ

“โกลเบล็ก”มองกรอบSETสัปดาห์นี้1,640-1,690จุดคลายกังวลสหรัฐ-จีน-ลุ้นเคาะมาตรการช็อปช่วยชาติ


บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก (GBS) มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งผันผวนในกรอบ 1,640-1,690 จุด หลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยผู้นำสหรัฐ-จีนยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว รวมถึงการคาดการณ์ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะทยอยอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี และการปลดล็อกพรรคการเมืองจัดกิจกรรมทางการเมืองได้ในเดือนธ.ค. เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งต่อไป

ทั้งนี้ นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า  ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศ สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนคลีคลายลง จากการที่สหรัฐเลื่อนกำหนดเวลาเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 1 ม.ค.62 ออกไป 90 วัน หากสิ้นสุดเวลาดังกล่าวยังหาข้อตกลงไม่ได้ก็จะขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25%

ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 11 เดือนแรกของปี 61 ขยายตัว 1.13% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดเงินเฟ้อปี 2561 ที่ 1.12% ซึ่งยังอยู่ในกรอบคาดการณ์เงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ที่ 0.8-1.6% แสดงถึงภาวะเงินเฟ้อที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้นมาก จึงไม่มีแรงกดดันในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกนง.ครั้งสุดท้ายของปี รวมถึงการคาดการณ์ว่าที่ประชุมครม.จะทยอยอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี และการปลดล็อกพรรคการเมืองให้จัดกิจกรรมทางการเมืองได้ในเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ ปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้มาจาก คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนหน้าตามที่ได้ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้ และ Fund Flow ไหลออก นักลงทุนต่างชาติทยอยปิดสถานะก่อนวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ต่างชาติมีสถานะขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 2.87 แสนล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่  5 ธ.ค.  จีน  เปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย. สหภาพยุโรป (อียู)  เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย.  และยอดค้าปลีกเดือนต.ค. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/61  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ  ดัชนีภาคบริการ  สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  และธนาคารกลางสหรัฐ เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) (เช้าวันที่ 6 ธ.ค.)  วันที่ 6 ธ.ค. ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กำหนดนโยบายในปี 2562 และในวันที่ 7 ธ.ค. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นัดหารือพรรคการเมืองรับฟังข้อเสนอจากพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง

ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก  กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,640-1,690 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เช่น KKP, TISCO, TCAP และหุ้นที่ได้อานิสงส์จากกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีน 1-15 ก.พ.62 วงเงินคนละ 2 หมื่นบาท คืน VAT  5% เข้าบัญชีพร้อมเพย์ ได้แก่ CPALL, MAKRO,  BJC

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ เห็นว่าผลการเจรจาลดความขัดแย้งของสงครามการค้าระหว่างผู้นำจีนกับสหรัฐในการประชุม G20 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ผลเพียงระงับการขยายข้อพิพาทชั่วคราวเท่านั้น โดยสหรัฐจะไม่เพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน แต่ยังคงเก็บในอัตรา 10% เท่ากับก่อนหน้า ส่วนจีนจะต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้นเพื่อลดการเกินดุลการค้า แต่ไม่มีการระบุถึงขอบเขต จำนวน หรือ มูลค่าใด ๆ ทำให้มีแนวโน้มที่ภาวะสงครามการค้าโลกจะดำเนินต่อไป โดยอาจมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นการยุติศึกการค้าและหันหน้าเข้าเจรจากันมากขึ้นก็เป็นผลบวกต่อมุมมองของนักลงทุน ทำให้เงินไหลกลับเข้ามาเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง ราคาน้ำมันก็ได้อานิสงส์ตามไปด้วย แต่เนื่องจากภาวะความตึงเครียดทางการเมืองในฝรั่งเศสที่เกิดการจราจลกลางเมืองแบบยืดเยื้อ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของอิตาลี และการสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจจากกรณี Brexit ต่างกดดันให้เงินยูโรไม่แข็งค่ามากนัก

ทั้งนี้ แม้ค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนลงจากการที่ตลาดกำลังกลับเข้าสู่ภาวะ risk on ก็ตาม แต่ราคาทองคำยังคงได้รับประโยชน์จากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ดี คงคำแนะนำให้ trading ในกรอบราคาระหว่าง 1,200-1,250 ดอลลาร์/ออนซ์

 

Back to top button