เปิดโผหุ้นบลูชิพ “เด่น-ดิ่ง” เดือนพ.ย. 61

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา แกว่งตัวผันผวน วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เหตุจากตลาดหุ้นไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ประกอบกับมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกดดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน


เส้นทางนักลงทุน

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา แกว่งตัวผันผวน วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เหตุจากตลาดหุ้นไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ประกอบกับมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกดดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน

ทั้งนี้ทำให้การซื้อขายในช่วงเดือนพฤศจิกายนจึงไม่หวือหวา อยู่ในลักษณะซึม ๆ เป็นส่วนใหญ่ เพราะนักลงทุนเน้นเก็งกำไรเป็นรายตัว

โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ อย่าง SET50 จาก 50 ตัว พบว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 25 ตัว ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลง 24 ตัว และราคาหุ้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง 1 ตัว

ผลดังกล่าวทำให้ภาพรวมดัชนี SET50 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ จากวันที่ 31 ต.ค. 2561 ดัชนีปิดที่ 1,102.49 จุด ขณะที่วันที่ 30 พ.ย. 2561 ดัชนีปิดที่ 1,091.50 จุด ลดลง 10.99 จุด หรือลงไป 1.01% ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ปรับตัวลง 1.64% หรือลงไป 27.29 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ได้แก่ BDMS, TOA, GLOBAL, TU, SCC, CENTEL, BEM, EGCO, GLOW, BTS, ROBINS, HMPRO, TMB, PTTGC, TISCO, RATCH, CPALL, KKP, CBG, SCB, DELTA, DTAC, TCAP, KTB และ BBL

โดยจากหุ้นทั้งหมดที่ราคาปรับตัวขึ้นแรง พบว่าเป็น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 9.18% หรือขึ้นไป 2.25 บาท วัดจากราคาปิด ณ วันที่ 31 ต.ค. 2561 อยู่ที่ 24.50 บาท เทียบด้วยราคาปิด ณ วันที่ 30 พ.ย. 2561 อยู่ที่ 26.75 บาท ซึ่งรับอานิสงส์จากผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2561 ที่ประกาศออกมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ คาดแนวโน้มกำไรยังดีขึ้นต่อเนื่อง การเปิดโรงพยาบาลใหม่ และการเพิ่มบริการใหม่ ๆ รวมถึงแนวโน้มรายได้จากกลุ่มใช้ประกันสุขภาพที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องน่าจะยังเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตสำหรับ BDMS ในปีหน้า อีกทั้งมองว่าเครือข่ายโรงพยาบาลของ BDMS ที่มีครอบคลุมอยู่ทั่วประเทศจะหนุนให้บริษัทมีโอกาสได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าโรงพยาบาลอื่น และราคาหุ้นที่ซื้อขายยังดูน่าสนใจ เมื่อมองถึงแนวโน้มธุรกิจในอนาคต

ขณะที่หลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ IRPC

ส่วนหลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นปรับตัวลง ได้แก่ SPRC, BEAUTY, TOP, ADVANC, INTUCH, MTC, BJC, PTTEP, GPSC, CPN, BGRIM, PTT, EA, KBANK, BANPU, KTC, LH, BPP, BH, CPF, TRUE, MINT, IVL และ AOT ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงถือเป็นโอกาสดีในการเข้าสะสม เพราะอย่างไรก็ดีหุ้นกลุ่มนี้มักฟื้นตัวเร็ว

สรุปได้ว่า แม้ว่าจะมีการซื้อขายไม่หวือหวา แต่ถือได้ว่าหุ้นขนาดใหญ่ยังเป็นตัวช่วยประคองตลาดฯ!!!

Back to top button