BGRIM ออกหุ้นกู้กรีนบอนด์ 5 พันลบ. ลงทุนโซลาร์ฟาร์ม 16 แห่ง กำลังผลิต 100MW

BGRIM ออกหุ้นกู้กรีนบอนด์ 5 พันลบ. ลงทุนโซลาร์ฟาร์ม 16 แห่ง กำลังผลิตเฉียด 100MW


นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทฯออกหุ้นกู้กรีนบอนด์ มูลค่า 5 พันล้านบาท (155 ล้านเหรียญสหรัฐ) ประกอบด้วยในหุ้นกู้อายุ 5 ปีและอายุ 7 ปี  ซึ่งเป็นครั้งแรกของหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” ที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative จะออกในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี)

สำหรับการออกพันธบัตรสีเขียว (กรีนบอนด์) ครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการอยู่แล้วจำนวน 9 แห่ง มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 67.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 7 แห่งในประเทศไทย กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 30.8 เมกะวัตต์

เงินลงทุนดังกล่าวจะนำไปใช้สำหรับโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทยของบริษัท บี. กริม เพาเวอร์ฯ ซึ่งเป็นการนำร่องการดำเนินงานแบบคาร์บอนต่ำ อันเป็นหนทางไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”นางปรียนาถ กล่าว

ขณะที่ปัจจุบัน BGRIM มีโรงไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 15 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล 1 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 2,045 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีกกว่า 1,081 เมกะวัตต์ รวมเป็นจำนวนกำลังการผลิตติดตั้ง ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้วขณะนี้ 3,126 เมกะวัตต์

ทั้งนี้จากการออกหุ้นกู้ “กรีนบอนด์” ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาศักยภาพการผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาด จาก 10% เป็น 30% ให้สำเร็จภายในปี 2564     

ด้าน นายไมเคิล แบโรล ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการภาคเอกชน ADB เปิดเผยว่า การออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพันธบัตรสีเขียวในประเทศไทย ที่สำคัญเงินทุนที่ได้จะนำมาใช้สำหรับโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทย ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างวิถีสังคมคาร์บอนต่ำเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และยังจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ตั้งไว้ 20% ได้โดยไร้ข้อจำกัดของเงื่อนไข ภายในปี 2573

ส่วนการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นโครงการการลงทุนในพันธบัตรสีเขียวครั้งที่สองของเอดีบี  โดยครั้งแรกเป็นการสนับสนุนผ่านการค้ำประกันการออกพันธบัตรสีเขียวให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (geothermal power) ที่ Tiwi และ Makban ในฟิลิปปินส์  เมื่อปี 2559 ซึ่งถือเป็นการออกพันธบัตรสีเขียวครั้งแรกของประเทศ

ทั้งนี้ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการทำธุรกรรมครั้งที่สามระหว่างเอดีบีและบี. กริม เพาเวอร์ฯ  โดยในปี 2560 เอดีบีได้ลงทุนในหุ้นที่เสนอขายใหม่ (IPO) ของ บี. กริม เพาเวอร์ฯ  และในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ เอดีบีได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับบริษัทเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในด้านการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนและการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายตัวที่มีการผลิตและบริโภคไฟฟ้าเบ็ดเสร็จในแต่ละพื้นที่ ให้ออกสู่ตลาดทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สว่นการลงทุนในครั้งนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เอดีบี 2573 (Strategy  2030) ซึ่งกำหนดให้อย่างน้อย 75% ของการดำเนินงานทั้งหมดที่วางแผนไว้ เป็นการสนับสนุนการบรรเทาผลกระทบและการปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้มีการจัดสรรเงินสนับสนุนโครงการเพื่อสภาพภูมิอากาศจากแหล่งเงินทุนของเอดีบีเอง เป็นมูลค่า 80 พันล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี 2562 – 2573

Back to top button