แนวรับ 1,600 เอาอยู่ ?

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* การเคลื่อนไหวของดัชนีวานนี้ ถือเป็นการท้าทายสิ่งที่ “โมนิก้า” เคยพูดเอาไว้ เพราะการที่ดัชนีลงมาทำจุดต่ำสุดของวันบริเวณ 1,593.37 ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้งจนดัชนีขึ้นมาที่ระดับ 1,601.48 จุด ลบไป 7.97 จุด หรือ 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.97 หมื่นล้านบาท ยืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด ได้แบบเฉียดฉิว มันเป็นแพตเทิร์นที่เคยได้เห็นกันมาแล้วหลายครั้ง

* ประเด็นที่น่าสนใจในเที่ยวนี้เลยต้องเป็นการลุ้นให้ดัชนีมีแรงฮึดขึ้นไปจากจุดอันตรายนี้ให้ได้ เพราะหากวานนี้ไม่มีกลุ่ม PTT เข้ามาประคองเอาไว้หุ้นไทยอาจจะเละตุ้มเป๊ะกว่านี้แน่นอน ขณะเดียวกันยังเป็นการรักษาแพตเทิร์นของดัชนีไม่ให้เสียทรงมากไปกว่าที่เคย “โมนิก้า” ถึงจั่วหัวข่าวให้นักเล่นกลับไปคิดเป็นการบ้านอีกรอบ เพื่อจะได้รับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตไงละคะ

* ฉะนั้นสิ่งที่น่ากังวลในเที่ยวนี้คงเป็นเรื่องของกองทุนตัวแสบที่ยังไม่มีท่าทีจะช่วยหนุนให้หุ้นไทยวิ่งขึ้นไปใกล้ 1,700 จุด ได้สักที เลยเข้าใจแก่นแท้ของการเล่นหุ้นรอบนี้ยังวนลูปแบบเดิม นอกจากนี้ ตัวแปรจากทั้งภายนอกและภายในยังคงมีอิทธิพลต่อการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน นักเล่นถึงต้องคอยจับตาดูสถานการณ์รอบทิศให้มากเข้าไว้พะยะค่ะ

* สถานการณ์ตรงนี้ทำให้เดี๊ยนสนใจหุ้นหน้าเก่าอย่าง BDMS อีกครั้ง เพราะเป็นเพียงไม่กี่หุ้นในกระดาน Most Active ที่บวกสวนตลาดที่ลงหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา เป็นช็อตที่ทำให้รู้ว่าหุ้นตัวนี้มีอะไรมากกว่าที่คิด ถึงแม้จะเคยมีอาการเป๋ไปบ้างแต่สุดท้ายก็จะทะยานขึ้นมายืนเหนือ 26 บาท ได้ทุกครั้ง การที่หุ้นวานนี้ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 26.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.92% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 852.54 ล้านบาท จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเสียเท่าไหร่

* เช่นเดียวกับในรายของ AOT ที่มีแรงซื้อเข้ามาผิดกับหุ้นตัวอื่น ๆ ด้วยปัจจัยลบเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มบรรเทากันไปบ้าง ผนวกกับปีหน้าโปรเจกต์ใหญ่ต่างเป็นรูปธรรมกว่าเดิม หนุนนำให้หุ้นขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดของวันที่ 63.75 บาท ก่อนจะมาปิดบวกอ่อน ๆ ที่ระดับ 62.25 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 926.95 ล้านบาท การบวกสวนหุ้นตัวอื่น ๆ ล้มระเนระนาดจึงทำให้ “โมนิก้า” อยากจะติดตามหุ้นตัวนี้ไปอีกพักใหญ่เจ้าค่ะ

* ในรายของ TRITN เป็นหุ้นอีกตัวที่ไม่สะทกสะท้านต่อภาวะตลาด ด้วยการขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.43 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 4.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39.71 ล้านบาท จากข่าวดีเซ็น MOU กับ SGP ก่อสร้างคลังก๊าซ LNG ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 9 พันล้านบาท ผนวกกับช่วงที่ผ่านมาผลงานพลิกฟื้นมาเป็นกำไร การได้เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาระดับนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก…อิอิอิ

* เรื่องดังกล่าวอาจเป็นกรณียกเว้นสำหรับหุ้น STEC เพราะการปรับตัวลดลงรอบนี้อาจมีอะไรมากกว่าที่เห็นกันอยู่ เพราะไซเคิลของหุ้นออกไปในแนวขาลง จึงเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องชั่งใจให้มากเป็นพิเศษ หลังหุ้นร่วงหลายวันติด จนลงมาปิดที่ 22 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 3.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 529.80 ล้านบาท การเอามือเข้าไปช้อนมันจึงเหมาะสำหรับคนกล้าจริง ๆ เท่านั้น!

* ส่วนในรายของ EA แม้จะถูกขายเทกระจาดมาปิดตลาดที่ 45.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือ 3.70% มูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้านบาท ทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน แต่กลับเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ไม่กังวลใจสักเท่าไหร่ เพราะหุ้นตัวนี้ยังมีสตอรี่เด่น ๆ ดัง ๆ ให้เล่นอีกเยอะที่จะช่วยหนุนผลงานโตไปยาว ๆ จังหวะที่ราคาหุ้นโดนทิ้งลงมาปิดที่ 45.50 บาท มันล่อตาล่อใจให้เข้าเก็บไหมเจ้าคะ ?

* ทางด้าน INGRS สวิงตัวแบบโหดสุด ๆ จากมีแรงซื้อเข้ามาแบบรัว ๆ ดันราคาหุ้นพุ่งพรวดตั้งแต่เปิดตลาดขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 0.60 บาท หรือบวกไป 11% แต่เผลอกะพริบตาแค่แว๊บเดียวกลับโดนถล่มขายออกมาช่วงท้ายตลาดลงมาบวกอ่อน ๆ ที่ระดับ 0.55 บาท บวก 0.01 บาท หรือบวกไป 1.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.95 ล้านบาท งานนี้ “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะเล่นสั้นของคนชอบเรื่องหวือหวาหากใครใจไม่แข็งจริงอาจไม่เหมาะกับหมากเกมนี้เท่าไหร่…อิอิอิ

* ปิดท้ายที่ ECF ยังโดนเทขายแบบทะลักทะลวงแบบไม่ลืมหูลืมตา จนหุ้นลงไปกองอยู่ที่ระดับ 2.78 บาท ลบไป 1.04 บาท หรือ 27.23% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 414.98 ล้านบาท ถึงแม้จะยังมีบิ๊กโปรเจกต์อย่างการเข้าซื้อหุ้น STREK ที่คาดว่าจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ พ่วงด้วยแผนซื้อหุ้นคืนที่อาจจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้! “เดี๊ยน” ถึงมองว่าราคาที่รูดหนักช่วงนี้เหมือนได้หุ้นราคาถูก ใครอยากจะช้อนเก็บไว้ก็ไม่เสียหลายเจ้าค่ะ