3 หุ้น “ตระกูลป.” รูดหนัก! เซ่นราคาน้ำมันดิบร่วง 3 วันติดเหลือ 46.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

3 หุ้น "ตระกูลป." รูดหนัก! เซ่นราคาน้ำมันดิบร่วง 3 วันติดเหลือ 46.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก โบรกฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร" PTTEP รับผลดีชนะประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ หนุนปริมาณขายเพิ่ม วางเป้า 160 บ. อัพไซด์พุ่ง 40%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 11.01 น. ราคาหุ้นบริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ที่ระดับ 46.50 บาท ลบ 0.75 บาท หรือ 1.59% สูงสุดที่ระดับ 47 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 46.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.22 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ที่ระดับ 114.50 บาท ลบ 2.50 บาท หรือ 2.14% สูงสุดที่ระดับ 117 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 114 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.57 พันล้านบาท

พร้อมด้วยราคาหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC อยู่ที่ระดับ 71.50 บาท ลบ  1 บาท หรือ 1.38% สูงสุดที่ระดับ 72.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 71 บาท มูลค่าการซื้อขาย 674.77 ล้านบาท

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง หลังสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 7% เมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 3.64 ดอลลาร์ หรือ 7.3% ปิดที่ 46.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ดิ่งลง 3.35 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 56.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดน้อยลงด้วย โดยทางการจีนได้เปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกันตัวเลขการกลั่นน้ำมันของจีนได้ลดลงในเดือนพ.ย. ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน

ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” PTTEP ให้ราคาหมายราคาเป้าหมาย 160 บาท/หุ้น โดยประเด็นการลงทุนจากการที่บริษัทปรับเพิ่มงบลงทุน 5 ปี (ปี 62-66) ดังนี้ 1) งบลงทุน 16,105 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.25 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (CAPEX) 9,310 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน (OPEX) 6,795 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรักษาระดับปริมาณการผลิต

โดยปี 62 ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 3,256 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น รายจ่ายลงทุน 1,840 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายจ่ายดำเนินงาน 1,416 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยรายจ่ายลงทุน 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช้เพื่อรักษาปริมาณผลิตหลักในไทยและพม่า (โครงการเอส1, บงกช, อาทิตย์, JDA ไทย-มาเลเซีย, ซอติก้า) และ 490 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองและปริมาณผลิตของโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ได้แก่ โครงการโมซัมบิก LNG, แอลจีเรีย HBR, เวียดนาม บี&48/95&52/97 คอนแทร็ค 4 (อุบล) 2) ปริมาณขายปี 62 เพิ่ม 3% เมื่อเทียบจากปี 61 ที่ 310 เป็น 318 พันบาร์เรล/วัน (KBOED) ปี 63: 325 (ซึ่งรวมโครงการแอลจีเรีย HBR ระยะที่ 1: กำลังผลิต 10-13 KBPD); ปี 64: 326; ปี 65: 280; ปี 66: 235 KBOED

ทั้งนี้ ปี 65-66 ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น หลังบริษัทได้เซ็นสัญญาสัมปทานใหม่ (PSC) ของแหล่งบงกชและเอราวัณในเดือน ก.พ.62 ดังนั้น จึงมีมุมมองเป็นบวกต่อการซื้อสัดส่วนบงกชเพิ่มเติม 22.22% และผลสำเร็จในการชนะประมูลแหล่งบงกช&เอราวัณ ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทในระยะยาว เนื่องจากทำให้ปริมาณขายและปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น

ดังนั้น จากราคาหุ้น PTTEP ล่าสุดที่ระดับ 114.50 บาท จึงยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 160 บาท อยู่ 39.73%

Back to top button