เคาะสั้น ไม่เคาะยาว

* ก่อนอื่น “โมนิก้า” ต้องขอพูดกันตรง ๆ ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนจริง ๆ เพราะการไต่เพดานบินสูงของดัชนีในเที่ยวนี้ ล้วนเกิดจากการซื้อหุ้นกลับมาใส่พอร์ตแบบไม่ยั้งมือ บวกกับเที่ยวนี้ไม่ได้มีคำอธิบายเหตุผลการเข้ามาเก็บหุ้นให้สังคมได้รับรู้ ส่งผลให้ทิศทางของตลาดหุ้นไทยต้องตกอยู่ในความคลุมเครือต่อไปอย่างไม่มีกำหนดไงละคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* ก่อนอื่น “โมนิก้า” ต้องขอพูดกันตรง ๆ ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนจริง ๆ เพราะการไต่เพดานบินสูงของดัชนีในเที่ยวนี้ ล้วนเกิดจากการซื้อหุ้นกลับมาใส่พอร์ตแบบไม่ยั้งมือ บวกกับเที่ยวนี้ไม่ได้มีคำอธิบายเหตุผลการเข้ามาเก็บหุ้นให้สังคมได้รับรู้ ส่งผลให้ทิศทางของตลาดหุ้นไทยต้องตกอยู่ในความคลุมเครือต่อไปอย่างไม่มีกำหนดไงละคะ

* สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่มีคำถามเกี่ยวกับการวิ่งขึ้นของดัชนีมาปิดที่ 1,601.12 จุด บวกไป 17.93 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.51 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นแทคติกการเล่นเมื่อตลาดหุ้นตกลงมาเยอะ ๆ จึงมีความจำเป็นที่ต้องดันดัชนีให้ทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปทีละแนว ไล่เรียงตั้งแต่ระดับ 1,600 จุด ต่อจากนั้นก็เป็นระดับ 1,630 จุด และขั้นต่อไปคงเป็นบริเวณ 1,660 จุดนะจะบอกให้

* ประเด็นปัญหาของการเล่นเที่ยวนี้อยู่ที่ว่า ทำได้จริงไหม ? เพราะเมื่อดูตัวแปรรอบด้านที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นซึมซับรับข่าวร้ายเยอะพอสมควรแล้ว ขั้นต่อไปขึ้นอยู่กับแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันจะเข้ามาเยอะขนาดไหน ? หากยังเคาะกันเปาะ ๆ แปะ ๆ เหมือนก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า นี่เป็นเกมดันหุ้นไปออกของเหมือนรอบก่อนหน้านี้ทุกอย่างนะคะ

* ที่สำคัญเมื่อมองดูจากมูลค่าการซื้อขายที่ไม่หนาแน่นถึงระดับ 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ย่อมทำให้ทุกอย่างยังไม่นิ่งอย่างที่ควรจะเป็น “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า เกมนี้เล่นกันไม่ยาวแน่ ๆ หลังข้อมูลที่ทุกคนรับรู้กันอย่างแพร่หลายเวลานี้คือ หุ้นไทยควรไปตั้งต้นเกมที่บริเวณ 1,600 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำมาก ๆ และเดี๊ยนก็เห็นด้วยหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ค่ะ

* ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงตั้งข้อสงสัยหุ้นตราใบโพธิ์ KBANK ก่อนใครเพื่อนว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 188.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.17 พันล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน เพราะทุกคนรับทราบกันเป็นอย่างดีว่า หุ้นแบงก์ตัวนี้ไหลงลงมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้การเด้งกลับครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยเต็ม ๆ จนต้องคิดต่อไปว่า วันนี้ตลาดจะรู้สึกอินกับข่าวดังกล่าวอีกไหม ?

* เช่นเดียวกับในรายของ ADVANC กระชากขึ้นมาปิดที่ 172.50 บาท บวกไป 4.50 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 916 ล้านบาท ทั้งที่ยังมีคำถามคาใจอยู่แบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นความเสี่ยงสำหรับคนที่จะเข้าเล่นหุ้นตัวนี้ เพราะมองไม่เห็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (กำไรไม่โต) รวมทั้งเรื่องน่ากังวลที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ เคลียร์จบเบ็ดเสร็จแล้วจริงไหม ?..ใครรู้ช่วยตอบทีนะคะ

* เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น PTG จนทุกวันนี้สังคมทั่วไปยังไม่รู้เลยว่า ใครทุบ ? ทุกอย่างถูกอธิบายด้วยเรื่องมันนี่เกม! สภาพของหุ้นเลยดูเละเทะอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้ทุกคนตั้งสติให้ดีเมื่อเห็นหุ้นเหวี่ยงตัว “ขึ้นแรง ลงแรง” วานนี้ถึงเห็นหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 9.30 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 7.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท..มันคืออะไร เดี๊ยนคิดไม่ออกจริง ๆ เจ้าค่ะ

* ประเด็นนี้เหมือนกับหุ้นไฟแนนซ์ MTC โดนรินขายตลอดทั้ง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่วานนี้สามารถเด้งกลับขึ้นมายืนที่ 48.50 บาท บวกไป 1.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท “โมนิก้า” มองการกระทำที่มีต่อหุ้นก่อนหน้านี้ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพราะแวลูของหุ้นสูงกว่านี้ค่อนข้างเยอะ บวกกับสตอรี่ใหม่ที่จะเพิ่มมูลค่าก็มีอยู่อีกเพียบ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า เที่ยวนี้หุ้นจะไปไกลแค่ไหน ?

* ส่วนที่แหวกกระแสขึ้นมาแบบงง ๆ “โมนิก้า” คงพุ่งเป้าไปยังหุ้น BLA เป็นลำดับถัดไปในทันที เพราะมองดูจากทิศทางหุ้น sideway down เป็นเวลา 2 ปีเต็ม ๆ ย่อมเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นมุดหัวลงต่อไปอีก แต่เอาเข้าจริงกลับเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 28.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54 ล้านบาท มันสวนทางกับความเป็นจริงเยอะเลยนะเนี่ย!

* เม้าท์ถึงหุ้นใหญ่ ๆ เยอะพอสมควรแล้ว “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูหุ้นเล็กพริกขี้หนูอย่างเช่น DOD เพื่อทำให้แฟนคลับได้เห็นความคาดหวังที่ผู้เล่นมีต่อหุ้นตัวนี้สักหน่อย เพราะการขยับขึ้นมาปิดที่ 13.70 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท มันหมายความว่า ตลาดหุ้นให้แวลูหุ้นตัวนี้ค่อนข้างเยอะ จึงต้องจับตาดูตัวเลขกำไรปี 2561 ออกมาเลิศหรูขนาดไหน ? ก่อนจะไปถึงตรงนั้นมองเรื่องจ่ายปันผล 0.44 บาทต่อหุ้น พ่วงด้วยดีลเทกโอเวอร์ธุรกิจความงาม เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่า หุ้นควรไปต่อนะจะบอกให้

 

Back to top button