สังคมข่าวหุ้น

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,601.12 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 17.93 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 4.5 หมื่นล้านบาท


นิวส์เวฟ

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,601.12 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 17.93 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 4.5 หมื่นล้านบาท

* เมื่อวานตลาดหุ้นไทยปิดแดนบวกได้ จากแรงหนุนของกองทัพหุ้นแบงก์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเด่นทั้งกลุ่มขานรับประเด็น กนง.มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นระดับ 1.75% บวกกับหุ้นบลูชิพหลายตัวที่กลับมารีบาวด์พอดิบพอดี จึงช่วยส่งให้พี่ SET ยืนเขียวที่ระดับ 1,600 จุดไว้ได้ งานนี้ หุ้นแบงก์จึงเท่ากับเป็นคนรับบทขี่ม้าขาววิ่งนำทัพมาช่วย SET ที่กำลังโดนโจมตี พร้อมกับชดเชยฝั่งหุ้นพลังงานที่ตกอยู่ในภาวะอ่อนแอ เนื่องจากโดนปัจจัยลบราคาน้ำมันชะลอตัวกดดัน

* เอาจริง ๆ หุ้นพลังงานหลายตัวถอยลงมาลึกมาก แต่ถึงแม้ราคาถูกจะดูเย้ายวนขนาดไหน แต่ยังคงไม่ใช่เวลาเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น เพราะจากสถานการณ์ล่าสุดมีแนวโน้มสูงมากที่ต้องบันทึกสต๊อกลอสตามไปในทางเดียวกันทุกหุ้น แล้วยังไม่รวมกรณีงบปี 2561 ที่อาจออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้อีกนะ เนื่องจากมีทั้งปัจจัยลบสต๊อกลอสและค่าการกลั่นดิ่งต่ำเข้ามาป่วนปลายไตรมาส 4 ถ้าไม่ใช่คนหวังถือลงทุนระยะยาวจริง ๆ แนะนำควรปล่อยผ่านหุ้นโรงกลั่นไปก่อนเลยดีกว่า

* สำหรับดัชนี SET ที่ระดับ 1,600 จุด ก่อนที่จะดิ่งหลุดแนวรับและปิดตลาดที่ 1,583 จุด (เมื่อวันอังคาร) ในช่วงที่ผ่านมาหลายคนบอกว่านี่คือฐานแนวรับ (ด่านสุดท้าย) ที่มั่นคงและน่าจะเอาอยู่ แต่จริง ๆ แล้วกลับเหมือนเพียงเส้นบาง ๆ ที่กั้นกลางระหว่างคำว่า “ปลอดภัยและน่ากังวล” มากกว่า ฝั่งเชื่อว่าปลอดภัยมองว่าแนวรับตรงนี้คือปราการที่แข็งแกร่งและในงวดปีนี้ยังเคยถอยลงมาเผชิญแล้วหลายครั้ง สุดท้ายดีดกลับและยืนเหนือไว้ได้ แต่ในทางตรงข้ามต้องอย่าลืมคำว่าด่านสุดท้าย เมื่อถูกทำลายลงจะเกิดแพนิกกันแบบสุด ๆ (เช่นเดียวกับที่เพิ่งเกิด) และดัชนี 1,600 จุดที่เรากำลังพูดกันอยู่นี้คือเป็นมุมของแนวรับ ไม่ใช่พูดในมุมแนวต้านที่เมื่อก้าวข้ามกำแพงไปแล้วมีแต่มองว่าจะไปต่อได้ไกลแค่ไหน ลองคิดกันดูว่าถ้าเมื่อวานนี้ไม่มีประเด็น กนง.รวมถึงตัดหุ้นแบงก์ที่บวกแรงมาช่วยพยุงดัชนี ตัว SET เองจะยังปิดบวกเหมือนที่เราเห็นได้หรือไม่ ?

* เมื่อสถานการณ์ยังไม่มีจุดปลอดภัย จึงขอให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะแรงกดดันหุ้นพลังงานยังมีอยู่มหาศาล ถ้ายังไม่มั่นใจหรือยังไม่มีตัวเลือกหุ้นที่คิดว่าคู่ควรกับกลยุทธ์ตัวเองถือเงินสดไว้ดีกว่า หรือถ้าเข้าลงทุนควรเน้นพวกมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก

* หุ้น WHA ทรงราคาหุ้นแข็งแกร่งและดูดีมาก เพราะนอกจากรับมือภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนได้ดีแล้ว ล่าสุดยังได้ปัจจัยบวกติดกลุ่ม SET50 ช่วยกระตุ้นราคา ส่วนทางพื้นฐานถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่สตอรี่ในมือตุนไว้เยอะมาก ไม่ว่าจะประเด็นงบไตรมาส 4 ที่มีโอกาสฟันกำไรออกมาดีสุดในรอบปี เพราะมีการบันทึกรายการพิเศษขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT รวมถึงมีโอกาสขายที่ดินเพิ่มเติม ทำให้ตัวหุ้นยังมีโอกาสก้าวเดินไปข้างหน้าได้ ใครมีอยู่ในมือแล้วสบายใจได้ ส่วนคนที่ยังไม่มีรอจังหวะย่อตัวสักนิดแล้วค่อยเข้าเก็บ

* หุ้น EPG อยู่ในจุดที่น่าสนใจและพร้อมออกสตาร์ตสร้างการเติบโตอีกหน ปัจจัยสำคัญที่ยังไม่สะท้อนต่อตัวพื้นฐานและราคาหุ้นในกระดานเต็มที่คือ กรณีราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบของ EPG จะเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมัน จึงหมายความว่านับจากนี้ไป ต้นทุน EPG จะลดลงแบบมีนัยสำคัญทั้งกลุ่ม (คาดเห็นผลชัดเจนช่วงม.ค.-มี.ค.) เมื่อบวกกับตัวรายได้จากการขายสินค้าทั้ง “AEROFLEX-AEROKLAS” ที่ไปได้สวย รวมถึงธุรกิจ EPP ที่เริ่มดีขึ้นตามลำดับ จึงส่งผลให้ภาพรวมงบครึ่งปีหลัง (ต.ค. 2561-มี.ค. 2562) มีโอกาสทำกำไรออกมาโดดเด่นนั่นเอง

Back to top button