โค้งสุดท้ายปี 61 คัด 10 หุ้นเด่น โบรกฯอัพราคาเป้าหมาย-ประมาณการกำไรปี61-62 น่าเก็บ!  

โค้งสุดท้ายปี 61 คัด 10 หุ้นเด่น โบรกฯอัพราคาเป้าหมาย-ประมาณการกำไรปี61-62 น่าเก็บ! นำโดย SEAFCO,JKN,GUNKUL,XO, EKH,STEC,ROBINS,SAWAD,COM,GLOD


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” สำรวจกลุ่มหุ้นพื้นฐานดีที่โบรกเกอร์ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี2561-2562 และราคาเป้าหมายมานำเสนอเพื่อประกอบการลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดงบปี 2561 อีกทั้งช่วงนี้ปัจจัยการเมืองมีความชัดเจนและแผนการประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐคืบหน้า รวมทั้งรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า กว่า 1 แสนล้านบาท ก็น่าจะหนุนให้ทิศทางตลาดหุ้นกลับมาสดใสอีกครั้ง

สำหรับกลุ่มหุ้นที่โบรกฯได้ปรับเพิ่มประมาณการดังกล่าวประกอบไปด้วย SEAFCO,JKN,GUNKUL,XO, EKH,STEC,ROBINS,NWR,SAWAD,COM,GLOD โดยเป็นการวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ชั้นนำของไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2561 โดยระบุไว้ดังนี้

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO จากฐาน Backlog ณ สิ้น ไตรมาส 3/61 ที่อยู่ในระดับสูงกว่า 2.9 พันล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/61 ถึง ครึ่งแรกปี 2562

จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 354 ล้านบาท (+123%) หรือคิดเป็นกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 ที่ประมาณ 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจากเริ่มรับรู้รายได้โครงการ One Bangkok Phase IV เพิ่มขึ้น

ในขณะที่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2019 เพิ่มขึ้น 6% จากการปรับรายได้เพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท (+10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) หนุนโดยมูลค่างานที่สูงของงานที่เปิดประมูล และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาผู้รับเหมา รวมทั้งการลงทุนของโครงการภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และการกลับมาร่วมแข่งขันงานประมูลต่างๆเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ Utilization Rate อยู่ที่ประมาณ 100% ส่งผลให้บริษัทมีความจำเป็นในการร่วมประมูลงานเพิ่มเติมที่ต่ำ แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 11.50 บาท

 

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กำไรสุทธิ ไตรมาส3/61 ลดลง 38%เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 54%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากต้นทุนค่าสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น คาดไตรมาส 4/61 เติบโตโดดเด่นราว 45%เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 435%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/60

โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 และ 62 เพิ่มขึ้น 8% และ 7% ตามลำดับ เตรียมขายคอนเทนต์ CNBC เต็มรูปแบบได้ในช่วงไตรมาส 2/62 การขายคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศเป็นไปได้ด้วยดี

JKN มีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ ประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้ Prospect PER ที่ 25 เท่า น้อยกว่า PER เฉลี่ยของธุรกิจในกลุ่ม Media ที่ 30 เท่า(คำนวณ เฉลี่ยจากหุ้น TVT RS GRAMMY WORK) ได้ราคาเหมาะสมปี 62 อยู่ที่ 15.80 บาท ทำให้ราคาล่าสุดมี Upside ราว 44% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ปรับประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2018 ขึ้น 44% เป็น 1.6 พันล้านบาท +157% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ +40% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน(รวมผลของค่าใช้จ่ายพิเศษค่าธรรมเนียมบอกเลิกสัญญาสิทธิการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ 645 ล้านบาท) และปี 2019 ปรับขึ้นเล็กน้อย 8% เป็นกำไรปกติ Flat เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานสูงเป็นพิเศษในไตรมาส3/61 แต่กำไรสุทธิโตดี 72% จากค่าใช้จ่ายพิเศษสูงในปีก่อนดังกล่าว

คงแนะนำ ซื้อลงทุนระยะยาว ราคาเป้าหมายปี 2019 ปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 4.10 บาท (SOTP) ยังไม่รวมโครงการ Solar Rooftop ในรูปแบบ Private PPA ซึ่งมีแนวโน้มภาครัฐสนับสนุนในแผน PDP ฉบับใหม่ และบริษัทได้ขยายธุรกิจไปทำ โดยเบื้องแรกได้งานกับกลุ่ม CP ราว 30 MW เป็นสัดส่วน 5% ของกำลังผลิตไฟฟ้าในมือปัจจุบันที่ 546 MW และบริษัทคงเป้าที่เพิ่มเป็น 1,000 MW ภายในปี 2020-2021 ซึ่งปัจจุบัน มีการศึกษาโครงการใหม่ๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะ โครงการลม-โซลาร์ ในเวียดนาม ขนาดราว 100-200 MW ในรูปแบบการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องงถิ่น

 

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO กำไรไตรมาส 3/61 เติบโตทั้ง เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มกำไรปี 61 และ 62 จาก 183 ล้านบาทและ 207 ล้านบาทสู่ 214 ล้านบาท และ 234 ล้านบาทเติบโต 234%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ

โดยคาดว่ารายได้ ไตรมาส 4/61 จะทรงตัวใกล้เคียง ไตรมาส3/61 (เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 11%) จากผู้บริหารมีการขยายตลาดเชิงรุกมากขึ้นหลังโรงงานใหม่สามารถเดินเครื่องได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับเพิ่มราคาจาก 13.00 บาทสู่ 13.75 บาทต่อหุ้นซึ่งมี Upside 14% จากราคาปัจจุบันจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางการเติบโตของ EKH โดยศูนย์ IVF มีศักยภาพการเติบโตสูงมากในตลาดจีนผ่านการจับมือกับพาร์ทเนอร์ ขณะที่การเปิดอาคารศูนย์กุมารเวชใหม่ในช่วงไตรมาส2/61คาดว่าจะไม่ถ่วงผลการดำเนินงานในภาพรวมอย่างมีนัยยะจากความต้องการที่ยังโตต่อเนื่องและช่วยให้รองรับผู้ป่วยได้มากขึ้นกว่า 60% จาก Capacity ปัจจุบันที่ค่อนข้างเต็ม

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2018-2019 ขึ้นราว 10% เป็นเติบโต 33.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 4.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ พร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2019 ขึ้นเป็น 7.60 บาท Valuation ปัจจุบันยังไม่แพง จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” STEC ขณะที่ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 30.10 บาทจาก 29.40 บาท หลังจากที่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2561-63 ขึ้น 3.4-12.5% เพื่อสะท้อนถึงกำไรสะสม 9 เดือนแรกของปี 2561 ที่แข็งแกร่งในระดับ 978.9 ลบ. หรือเติบโตขึ้น 38% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากการรับรู้รายได้ที่เร็วกว่าคาด โดยคาดว่ากำไรปี 2561 จะพลิกเป็นบวกที่ 1.3 พันลบ. (จากขาดทุน 611 ลบ. ในปี 2560) ส่วนในปี 2562-63 คาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 21-33% นอกจากนี้ คาดว่าการประมูลโครงการภาครัฐรอบต่อไป รวมถึงการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จากสัดส่วนโครงการที่ดีขึ้น และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ลดลงจะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับ STEC ได้มากขึ้น

 

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS (ซื้อพื้นฐาน 74.50 บาท +12.03%) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมกับปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 74.50 บาทจาก 70.00 บาท หลังจากปรับปีฐานราคาเป้าหมายไปเป็นสิ้นปี 2562 จากกลางปี 2562

ทั้งนี้มีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมกำไรไตรมาส 4/2561 ที่คาดว่าบริษัทฯ จะมีส่วนแบ่งแบรนด์สินค้าของตน (private brand) ที่สูงขึ้น กอปรกับการเปิดสาขาใหม่ๆ และช่วง high season

ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2561-63 ในกรอบ -0.3% ถึง 0.2% เพื่อสะท้อนถึงการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ต่ำกว่าคาด และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่สูงขึ้นจากการเติบโตของรายได้ค่าเช่าที่แข็งแกร่ง

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD บริษัทรายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส3/61 ที่ 766 ล้านบาท (+23%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, +26%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) สูงกว่าที่ตลาดคาด 11% โดยเป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามสินเชื่อรวมที่ขยายตัว 18% YTD และอัตราผลตอบแทนของสินเชื่อรวมที่กลับมาสูงขึ้น

นอกจากนี้จากระดับ NPLs ของบริษัทที่ลดลงอยู่ที่ 5.0% และการปรับเปลี่ยนนโยบายการบันทึกสำรองหนี้สงสัยจะสูญของ BFIT ส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญลดลงแม้ผลการดำเนินงานใน 9M18 คิดเป็น 75%ของประมาณการทั้งปี แต่จากการขยายตัวของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ปี 2018 ที่ 16%

ส่งผลปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018-19 เพิ่มขึ้น 5-6% อยู่ที่ 2.7 และ 3.2 พันล้านบาท (+2%,+20% ตามลำดับ) จากการปรับเพิ่มการขยายตัวของสินเชื่อรวมเป็น 23% จากเดิม 16% และคุณภาพสินเชื่อที่คาดว่าจะดีขึ้น จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” ที่ราคาเหมาะสมใหม่ 55.00 บาท (อิง 2019PBV 4.4x เทียบเท่า Avg.PBV-1SD) จากเดิม 50.00 บาท

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน)  หรือ COM7 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส3/61 ที่ 235 ล้านบาท (+56%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, +9%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) สูงกว่าตลาดคาด โดยเพิ่มขึ้น เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 21%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเปิดตัวของ Smartphone รุ่นใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา และการเพิ่มขึ้นของช่องทางการจำหน่ายที่เปิดเพิ่มขึ้นในปี 2018 ที่ประมาณ 44 สาขา และผลการดำเนินงานขยายตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ตามสัดส่วนรายได้ของกลุ่ม IT ที่เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 9M18 คิดเป็น 79% ของประมาณการ 2018

จึงมีแนวโน้มในการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น จากการปรับเปลี่ยนมาขาย Smartphone Android มากขึ้นจากเดิม โดยสังเกตจากการเข้าซื้อหน้าร้าน KingKong Phone โดยจะรอความชัดเจนจากการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทจากงาน Opportunity Day บ่ายนี้ ทั้งนี้ยังคงกำไรสุทธิปี 2018-19 ที่ 802 และ 941 ล้านบาท ขยายตัว 32% และ 17% และคงคำแนะนำ “ซื้อ” และ Rollover ไปราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 24.70 บาท (อิง PE 31.5x)

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD คาดว่าในปี 2562 จะเป็นอีกปีที่ โดดเด่นทั้งรายได้และกำไรสุทธิที่เป็น New Record High ขณะที่  Presales แม้การเติบโตจะก้าวกระโดดมาหลายปีและในปีนี้ตั้งเป้าทรงตัวซึ่งมองว่าเนื่องจาก GOLD เพิ่มความกังวลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับประมาณการเนื่องมี Secured Revenue สูงและใน 1 ปีจากนี้ GOLD จะได้แรงหนุนจาก Asset Value จากการเปิดสามย่าน มิตรทาวน์และการจัดตั้ง REIT ของอาคาร FYI ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ

ยังคงชอบและคงคำแนะนำ ซื้อ GOLD โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 13.60 บาท/หุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 13.50 บาท/หุ้น จากการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และเชื่อว่า GOLD ยังมี Upside ของ Asset Value ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2562/2563 จากทั้งการเปิดโครงการสามย่านมิตรทาวน์ในเดือน ก.ย. 2562 และการจัดตั้ง REIT ของโครงการ FYI Center ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงานและโรงแรม

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button