ลุยหรือถอย

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งคิดทบทวนเกี่ยวกับโอกาสที่ดัชนีจะขึ้นมายืนเหนือ 1,600 จุดมีมากน้อยแค่ไหน ? เพราะตัวแปรรอบด้านหลายอย่างยังไม่นิ่งอย่างที่ควรจะเป็น รวมทั้งข้อมูลสถิติเก่า ๆ พูดเหมือนกันว่า ฐานแนวรับบริเวณนี้มักมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นประจำ จึงเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งคิดทบทวนเกี่ยวกับโอกาสที่ดัชนีจะขึ้นมายืนเหนือ 1,600 จุดมีมากน้อยแค่ไหน ? เพราะตัวแปรรอบด้านหลายอย่างยังไม่นิ่งอย่างที่ควรจะเป็น รวมทั้งข้อมูลสถิติเก่า ๆ พูดเหมือนกันว่า ฐานแนวรับบริเวณนี้มักมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นประจำ จึงเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ไงล่ะคะ

*งานนี้ถึงไม่ต้องไปตามหาปัจจัยที่ทำให้ดัชนีระหว่างวันขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่ 1,609.39 จุด บวกไป 15.39 จุด แต่กลับถูกเทขายออกมาท้ายตลาด จนมาปิดที่ระดับ 1,590.50 จุด ลบไป 3.50 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.66 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองการเคาะขวาทีละสเต็ป และอย่าเพิ่งออกอาการลิงโลดแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะอะไรจะเกิดขึ้นยังไม่สามารถรู้แน่ แถมยังมีแนวต้านสำคัญอีก 2 แนวขวางในระหว่างทางขาขึ้นเจ้าค่ะ

*ที่สำคัญคือแนวต้านแรกอยู่แถวบริเวณ 1,640 จุด ซึ่งเป็นจุดตัดของเส้น 75 วัน และในช่วง 2 เดือนครึ่งยังไม่สามารถวิ่งทะลุเส้นนี้ขึ้นไปได้สักที ส่วนแนวต้านสองอยู่ที่บริเวณ 1,670 จุด “โมนิก้า” ถึงอยากให้บรรดาผู้เล่นอย่าผลีผลามเป็นอันขาด เพราะถึงบทที่หุ้นขึ้นแรงทีไร มักตามหลังมาด้วยการลงแรงเป็นประจำ จึงต้องอ่านเกมเที่ยวนี้ให้ขาดตั้งแต่เนิ่น ๆ นะจะบอกให้

*กรณีนี้ดูจากแรงเทขายที่ออกมาในหุ้นโรงหมอ BDMS ซึ่งกดราคาหุ้นในกระดานร่วงลงจากระดับ 27 บาทอย่างง่ายดาย แถมวานนี้โดนบอมชุดเล็กอีกดอกตลอดทั้งวัน จนหุ้นลงมากองอยู่ที่ 22.70 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป —8.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.09 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ บวกกับหุ้นหลุดแนวรับลงมาหมดทุกแนว มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งนะจ๊ะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองน้องสวย BEAUTY เพื่อทำให้นักเล่นเห็นภาพการเคลื่อนตัวที่ทำท่าเหมือนจะดีขึ้น แต่สุดท้ายกลายเป็นภูเขาสามลูกที่มียอดสูงสุดต่ำลงเรื่อย ๆ เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดการทำโลว์ใหม่ มีโอกาสเกิดขึ้นในไม่ช้า เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการอ่อนตัวลงมายืนที่ 6.95 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.11% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.61 ล้านบาท ใช่จุดเข้าเล่นเก็งกำไรสั้น ๆ หรือเปล่า ?

*เช่นเดียวกับในรายของ AOT ทุกคนรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า นี่เป็นธุรกิจเสือนอนกิน การขยายพื้นที่สนามบินจะทำให้กำไรโตดับเบิล เพียงแต่จังหวะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะลงมือลุย ราคาหุ้นเลยแกว่งตัวรอไปมาบนกรอบ 60-67 บาทเป็นเวลาร่วมครึ่งปี “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองราคาปิดที่ 66 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.93% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.23 พันล้านบาท ยังเป็นจังหวะ follow buy ไหมเอ่ย ?

*เรื่องดังกล่าวคล้ายกันกับการเคลื่อนตัวของหุ้นปลากระป๋อง TU ทุกกระเบียดนิ้ว เพราะหุ้นขยับตัวไปมาในกรอบ 15-18 บาทเป็นเวลาร่วมครึ่งปีเหมือนกัน แถมเที่ยวนี้ได้ข่าวดีเกี่ยวกับอียูปลดธงเหลืองธุรกิจประมง เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ยอดขายของบริษัทมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก วานนี้ถึงเห็นหุ้นเปิดกระโดดขึ้นมาปิดที่ 17.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.91% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 354.64 ล้านบาทไงล่ะคะ

*เม้าท์ถึงหุ้นที่มีข่าวดีปรากฏให้เห็นทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น PSTC ด้วยเช่นกัน เพราะในมุมของการปลดล็อก EIA ระบบส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มันทำให้ภาพของความสามารถในการทำกำไรเด่นชัดขึ้นไปอีกขั้น จนโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่มองราคาเป้าหมายของหุ้นสูงถึง 1.03 บาท (ไม่รวมท่อน้ำมัน) ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานยืนอยู่ที่ 0.63 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 1.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.57 ล้านบาท เดี๊ยนคงบอกได้แค่ว่า น่าตามไปดูเหลือเกินเจ้าค่ะ

*ตรงกันข้ามกับในรายของ PIMO จู่ ๆ โดนสาดทิ้งโครมเดียวแบบไม่ทันตั้งตัว จนราคาหุ้นรูดลงมาปิดฟลอร์ที่ 3.32 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 29.66% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67.75 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติอย่างแน่นอน และเรื่องนี้คงต้องมีคำอธิบายออกมาในไม่ช้า เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับลองหันไปมองค่า P/E 209 เท่า เป็นจุดแรกก่อนจะไปหาคำตอบในส่วนอื่น แล้วจะเข้าใจสาเหตุการโดนทิ้งเที่ยวนี้นะจ๊ะ

*ส่วนรายที่ได้เจ้ามือดีอย่างหุ้น DCORP ถือเป็นช็อตที่ทำให้แฟนคลับอึ้งกิมกี่ไปไม่ใช่น้อย หลังหุ้นไม่มีทีท่าจะลดความร้อนแรง ผนวกกับข่าวสารใหม่ ๆ ก็ไม่มีอะไรที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน แต่หุ้นยังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.94 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 10.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90.59 ล้านบาท มันทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจอารมณ์ของนักเล่นเก็งกำไรได้มากขึ้นว่า พวกนี้เขาสนใจแต่เคาะขวารัว ๆ ไงล่ะคะ

 

Back to top button