KBANK รูด 3% นิวโลว์รอบ 2 ปี วิตกปล่อยสินเชื่อ DTAC-ผลงานไตรมาส 4/61 โตต่ำสุดของปี

KBANK รูด 3% นิวโลว์รอบ 2 ปี วิตกปล่อยสินเชื่อ DTAC-ผลงานไตรมาส 4/61 โตต่ำสุด ล่าสุด ณ เวลา 16.16 น. อยู่ที่ 180 บาท ลบ 6  บาท หรือ 3.23% สูงสุดที่ 187 บาท ต่ำสุดที่ 178.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.81 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ล่าสุด ณ เวลา 16.16 น. อยู่ที่ 180 บาท ลบ 6  บาท หรือ 3.23% สูงสุดที่ 187 บาท ต่ำสุดที่ 178.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.81 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น KBANK ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 177.50 บาท เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2559

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของ KBNAK ในไตรมาส 4/61 ที่คาดว่าจะน้อยที่สุดในปีเพราะกดดันจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยชะลอลง นอกนั้นไม่ทราบว่ามีปัจจัยใดที่ส่งผลใหราคาหุ้นปรับตัวลดลง

ส่วนเรื่อง KBNAK เกี่ยวข้องกับ DTAC หรือไม่นั้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส ไม่ทราบและธนาคารก็บอกไม่ได้ แต่หากมีการให้สินเชื่อจริง เรื่องจ่ายค่าปรับของ DTAC คาดว่าจะไม่กระทบความสามารถในการจ่ายหนี้ธนาคารอยู่แล้ว เนื่องจากเงินสดของ DTAC  มีเพียงพอจ่ายค่าปรับและบริษัทก็ยังมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” KBANK ราคาเป้าหมาย 234 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4/61 ที่ 8,715 ล้านบาท อ่อนตัวลง 11% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่ยังเติบโต 53% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญคือ 1. คาดรายได้ดอกเบี้ยสุทธิดีขึ้นเล็กน้อยราว 1% เทียบจากไตรมาสก่อน ตามการเติบโตของสินเชื่อที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3% เทียบจากปีก่อน ส่วน NIM คาดว่าทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน

รวมทั้ง 2. รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอาจดีขึ้นเล็กน้อยราว 3% เทียบจากไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาสก่อนธุรกิจประกันได้รับผลกระทบจากสำรองเพิ่มตามคปภ. ขณะที่ในไตรมาสนี้คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติ ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมอาจดีขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางประเภทมักขายได้ดีในช่วงปลายปี

อีกทั้ง 3. คาดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ทำให้ Cost-to-income ratio ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 46.4% จาก 42.6% ในไตรมาสก่อน และ 4. คาดสัดส่วน NPL และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้จะทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน

สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2562 เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ประมาณ 6% เทียบจากปีก่อน โดยปัจจัยหนุนหลักจะมาจากสินเชื่อ หลังในช่วงครึ่งหลังปี 2561 เริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น บวกกับในปีนี้อาจเห็นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น

ขณะที่ NIM อาจปรับตัวดีขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาด แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารจะปรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำขาเดียวซึ่งจะกดดัน NIM ในระยะสั้น แต่เรามองว่ามีผลกระทบไม่มากเพียง 1 bps เท่านั้น อย่างไรก็ตามในอนาคตหากดอกเบี้ยในตลาดยังคงเป็นขาขึ้น คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลบวกกับ NIM โดยจากการศึกษาพบว่าทุกๆ 25 bps ของดอกเบี้ยในตลาดที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกต่อกำไรของ KBANK ราว 3.6%

อนึ่ง DTAC และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) แจ้งการลงนามในสัญญาร่วมกันเพื่อระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ส่วนใหญ่และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งหมดที่เกี่ยวกับสัญญาสัมปทาน คิดเป็นมูลค่า 9.51 พันล้านบาท  สัญญาระงับข้อพิพาทระหว่าง ดีแทค และ กสท ถือเป็นความสำคัญเหตุการณ์หนึ่งจากตลอดระยะเวลาในการร่วมงานกันมายาวนานของทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งเป็นโอกาสสู่การเริ่มต้นใหม่ในการเป็นพันธมิตรดูแลโครงข่ายหรือโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน สัญญาดังกล่าวยังมีนัยสำคัญในทางลดความเสี่ยงทางธุรกิจอันเกิดจากความไม่แน่นอนในผลของคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการและคำพิพากษา

Back to top button