ไม่แยแสกติกาลี้ภัย ?

รัฐมนตรีต่างประเทศและเพจดราม่า (ซึ่งมีคนเชื่อมากกว่ารัฐมนตรี) บอกว่าตำรวจสากลออสเตรเลียแจ้งเตือนมาเอง ว่าฮาคีม อัล อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน มีหมายจับของทางการบาห์เรน ตำรวจไทยจึงจับไว้ แล้วประเทศไทยก็ต้องรับเคราะห์ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย กลับถูกนานาชาติประณาม ถูกโลกโซเชียลติดแฮชแท็ก #SaveHakeem #BoycottThailand โดยออสเตรเลียไม่พูดถึงความผิดพลาดของตัวเองสักคำ


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

รัฐมนตรีต่างประเทศและเพจดราม่า (ซึ่งมีคนเชื่อมากกว่ารัฐมนตรี) บอกว่าตำรวจสากลออสเตรเลียแจ้งเตือนมาเอง ว่าฮาคีม อัล อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน มีหมายจับของทางการบาห์เรน ตำรวจไทยจึงจับไว้ แล้วประเทศไทยก็ต้องรับเคราะห์ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลย กลับถูกนานาชาติประณาม ถูกโลกโซเชียลติดแฮชแท็ก #SaveHakeem #BoycottThailand โดยออสเตรเลียไม่พูดถึงความผิดพลาดของตัวเองสักคำ

คนไทยรักชาติฟังแล้วของขึ้น ระดมแฮชแท็ก #SaveThailand ประเทศเราไม่ได้รับความเป็นธรรม ไอ้พวกฝรั่งล่าเมืองขึ้น ไอ้พวกผิวขาวเอาคนมาเป็นทาส เที่ยวตัดสินคนอื่นละเมิดสิทธิมนุษยชน

ขอโทษที ก่อนจะบ้าจี้ไปกว่านี้ ช่วยย้อนดูเหตุการณ์ เอาล่าสุดก่อน ทำไม #BoycottThailand จึงฮิตกระหน่ำ ทั้งที่ฮาคีมถูกจับมาสองเดือนกว่า แม้มีการรณรงค์มาเป็นระยะ แต่ก็ไม่กระฉูดเท่าวันจันทร์

ภาพฮาคีมถูกนำตัวไปขึ้นศาลโดยใส่ “กุญแจเท้า” ยังกับอาชญากรปล้นฆ่า มันแพร่ไปทั่วโลกในชั่วพริบตาไงครับ สร้างความสะเทือนใจให้คนทั้งโลก รวมถึงนักฟุตบอลดัง ๆ ออกมาช่วยกันเรียกร้อง ถึงแม้กรมราชทัณฑ์อ้างว่าไม่ใช่ “ตรวน” แค่ทำตามระเบียบเพื่อไม่ให้หลบหนีเป็นภัยสังคม

นึกภาพกลับกัน ถ้าฮาคีมได้ปล่อยตัวชั่วคราว ใส่สูทมาศาลกับทนาย แรงกดดันคงเบากว่าเยอะ

นี่เป็นปัญหาสิทธิมนุษยชน ต่อให้อ้างว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ระหว่างต่อสู้คดี เขาก็สูญสิ้นอิสรภาพ ทั้งที่เพิ่งเริ่มขอตัวเท่านั้น

ย้อนไปจุดเริ่มต้น ที่ว่าตำรวจสากลออสเตรเลียแจ้งมาเอง ที่จริงก็มาจากสื่อออสเตรเลีย ซึ่งชี้ว่าตำรวจสากลทำผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง ไม่เชื่อมโยงข้อมูลผู้ลี้ภัย อย่างไรก็ตาม หลังตำรวจไทยจับฮาคีมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ตำรวจสากลก็ยกเลิก Red Notice ทันที วันรุ่งขึ้น กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียก็ยืนยันสถานะผู้ลี้ภัย ขอให้ส่งตัวกลับ

ซึ่งนักกฎหมายระหว่างประเทศหลายราย ชี้ว่ารัฐไทยมีอำนาจตัดสินใจส่งตัวกลับออสเตรเลีย ไม่จำเป็นต้องกักไว้ แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด กลับรอจนบาห์เรน (ซึ่งไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน) ทำเรื่องขอให้ส่งตัว แล้วก็บอกว่าต้องไปสู้กันในศาล

กรณีฮาคีม แม้จุดเริ่มต้นมาจากความผิดพลาดของตำรวจสากล แต่จริงหรือที่รัฐไทยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ซวย รับเคราะห์ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ในรอบห้าปี รัฐบาลทหารไทยส่งกลับผู้ลี้ภัยจนถูกชาวโลกวิจารณ์มาหลายครั้ง ตั้งแต่อุยกูร์ มาถึงผู้ลี้ภัยกัมพูชา ซึ่งหลายรายถูกจับส่งกลับฐานหลบหนีเข้าเมือง ไม่ยอมให้สู้ในศาลด้วยซ้ำ

ประเทศไทยเคยได้รับการยกย่องด้านสิทธิมนุษยชน อันดับต้น ๆ ในภูมิภาคนี้ เคยเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยเพื่อนบ้าน แต่ห้าปีมานี้ สถานการณ์เปลี่ยนสิ้นเชิง คงเพราะหลังรัฐประหาร คนไทยจำนวนมากกลายเป็นผู้ลี้ภัย กระจายไปอยู่ทั่วโลก วิพากษ์วิจารณ์ ต่อต้าน คสช. ไม่ต่างจากฮาคีมวิจารณ์รัฐบาลบาห์เรน รัฐไทยจึงมีแนวโน้มไม่พอใจกติกาสากลว่าด้วยผู้ลี้ภัย ไม่ปฏิบัติตาม และกลับไปเห็นใจรัฐบาลอำนาจนิยมที่ขอให้ส่งตัวกลับ (หัวอกเดียวกัน)

กรณีฮาคีม เจอแรงกดดันขนาดนี้ เดี๋ยวรัฐบาลก็คงหาทางคลี่คลาย แต่ต่อไปจำไว้ ประเทศไทยเป็นแดนต้องห้ามของผู้ลี้ภัย และนักสิทธิมนุษยชน

เพราะผู้ลี้ภัยในทัศนะไทยคือพวกสร้างความวุ่นวาย ขนาดโดนฆ่าตายทิ้งแม่น้ำโขง บางคนยังสมน้ำหน้า จะมาเห็นใจอะไรกับต่างชาติต่างศาสนาอย่างฮาคีม

Back to top button