“กรุงศรี” เปิด 4 ประเด็นหลักประจำวัน พร้อมแนะ “Selective Buy” 17 หุ้นเด็ดมีประเด็นบวก

"กรุงศรี" เปิด 4 ประเด็นหลักประจำวัน พร้อมแนะ “Selective Buy” 17 หุ้นเด็ดมีประเด็นบวก


บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาด SET Index แกว่งตัว 1,645 – 1,660 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังคงได้ sentiment เชิงบวกจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมถึง FED ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามระยะสั้นราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจากความกังวล Demand การใช้น้ำมันหลังภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงคาดว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อติดตามแถลงนโยบายประจำปีของปธน.ทรัมป์ในช่วงเช้าวันนี้ รวมถึงสัญญาณเตือนทางเทคนิคที่เข้าเขต Overbought ที่จะกดดันให้ดัชนีมีความผันผวนสูง สำหรับการประชุมกนง.ในช่วงบ่ายวันนี้คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75% ซึ่งมองเป็นกลางสำหรับทิศทางการลงทุน

กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy

– กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

– STEC, AMATA, WHA, BEM ได้ประโยชน์ภาวะการเมืองปลดล็อคและวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

– กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และคาดจำนวน นทท.จีนขยายตัวขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

– กลุ่มที่คาดว่ากำไรไตรมาส 4/2561 และปี 2562 เติบโตต่อเนื่อง SAWAD, MTC, IHL, EA, GFPT และ TU

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้:ERW (ปิด 7.6 ซื้อ/เป้า 8.2) รับผลบวกภาครัฐขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ไปถึงเดือน เม.ย. หนุนนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ด้านผลประกอบการคาดกำไร 4Q18 ฟื้นตัวเด่นจาก high season และแนวโน้ม 1Q19 คาดกำไรโตต่อเนื่องจากการที่โรงแรม JW Marriott กลับมาดำเนินการปกติจากที่ปิด Renovate ไปในช่วงปีที่ผ่านมา, BIG (ปิด 1.43 ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 5) คาดกำไรสุทธิ 144 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 52%qoq และคาดประกาศจ่ายปันผลสำหรับรอบปี 2018 ประมาณ 0.09 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 6.3%, STA (ปิด 16.3 ซื้อ/เป้า 22) ราคาหุ้น STA ยังมี discount จากหุ้นถุงมือในภูมิภาคอยู่ถึง 30% และราคาปัจจุบันไม่ได้สะท้อนมูลค่าของธุรกิจยางธรรมชาติเลย

ประเด็นสำคัญวันนี้ 

(+) ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 172 จุด ปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ตลาดยังตอบรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ : ดัชนีดาวโจนส์ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องวานนี้เพิ่มขึ้นอีก 172 จุด (+0.68%) ปิดที่ 25,412 จุด เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่งผลให้ YTD ปรับตัวขึ้น 8.9% นักลงทุนยังตอบรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยผลสำรวจข้อมูลของรีฟินิทีฟระบุว่า 71% ของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 มีผลการดำเนินงาน 4Q18 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงต่ำกว่าระดับ 50$/bbl อีกครั้ง จากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและคาดการณ์สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอีก 3.7 ล้านบาร์เรล : ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 90 เซนต์ (-1.7%) ปิด 53.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นมากถึง 3.7 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 สู่ระดับ 96.06 เทียบกับ 4 วันก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 95.91

(+/-) เช้านี้ติดตามปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส คาดมี 2 ประเด็นน่าสนใจคือ 1) ความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา และ 2) แผนงานในอีก 2 ปีที่เหลือของการดำรงตำแหน่ง : โดยตลาดคาดว่า ทรัมป์ จะเน้นในหลักวิสัยทัศน์ 5 ข้อ  คือ 1 )มีระบบการตรวจคนเข้าเมืองที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย, 2) ปกป้องแรงงานสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการทำข้อตกลงการค้าที่ไม่เป็นธรรม, 3) เร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน, 4) ปรับลดราคายา และ 5) ปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ นอกจากนี้ติดตามปธน.ทรัมป์จะใช้เวทีนี้ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติสำหรับจัดสรรงบประมาณสำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกหรือไม่

(+/-) วันนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.75% ตามเดิม และติดตามประมาณการณ์ GDP ปีนี้ : คงมุมมองเดิม คาดแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ตามเดิม โดยมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ 0.27% ในเดือน ม.ค. ต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 31.24 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่ามากสุดในภูมิภาคเป็นอุปสรรคต่อภาคส่งออก นอกจากนี้ติดตามรายงานการประชุมรวมถึงการคาดการณ์ GDP ในปีนี้ว่าจะมีการเปลี่ยนมุมมองหรือไม่

Back to top button