เปิดโผ 39 หุ้นปันผลเด่น! ชูยีลด์สูงเกิน 6% แนะดักเก็บก่อนแจ้งงบฯ-ขึ้น XD 1 เดือน

เปิดโผ 39 หุ้นปันผลเด่น! ชูยีลด์สูงเกิน 6% แนะดักเก็บก่อนแจ้งงบฯ-ขึ้น XD 1 เดือน


ช่วงนี้แนวโน้มตลาดแกว่งตัวพักฐานหลังปรับตัวขึ้นมาพอสมควรตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ม.ค. โดยปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ ส่วนในประเทศจุดที่น่าสนใจมีคือการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/61 ของบริษัทจดทะเบียนในภาค Real Sector ซึ่งน่าจะทยอยประกาศมากขึ้นในช่วงของปลายเดือน ก.พ. นี้ นอกจากนี้ภายหลังการประกาศงบฯจะเข้าสู่ช่วงของการจ่ายเงินปันผลจึงแนะนำหุ้น Dividend yield สูง  โดยแนะนำให้ซื้อก่อนขึ้น XD ประมาณ 1 เดือน

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมกลุ่มหุ้นปันผลเด่นและน่าเก็บสะสมก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ใน 1 เดือนข้างหน้ามานำเสนอ โดยครั้งนี้อาศัยบทวิเคราะห์จากบล.ทิสโก้และบล.เอเซีย พลัส มาประกอบการลงทุนดังนี้

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์(11ก.พ.) ว่า สัปดาห์นี้มีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม (1) การทบทวนดัชนี MSCI 11 ก.พ. (2) รัฐสภาอังกฤษพิจารณา Brexit รอบใหม่ 13-14 ก.พ. (3) ผู้แทนสหรัฐฯ บินไปกรุงปักกิ่ง 14-15 ก.พ. (4) ปัญหาชัตดาวน์สหรัฐฯ จะหวนกลับมาหรือไม่ 15 ก.พ. และ (5) การประกาศตัวเลขศก.ที่สำคัญของหลายประเทศ อาทิ GDP อังกฤษ (11 ก.พ.), ญี่ปุ่น, ยุโรป และเยอรมัน (14 ก.พ.) และส่งออกจีน (14 ก.พ.) เป็นต้น รวมทั้งการทยอยประกาศผลประกอบการของหุ้นหลายตัวในสัปดาห์นี้ (VGI, GPSC, IRPC, KCE, AOT, BTS, RATCH, TOP) แนวรับ 1640-45 แนวต้าน 1660

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนแนะหุ้นคาดปันผลดี Div. Yield > 6% ประกอบด้วย AP, ASEFA, ASK, KGI, MFC, MSC, NNCL, ORI, SC, SCP, SIS, TIP, TKS, VNT และDiv. Yield 3-6% ประกอบด้วย AH, ANAN, AUCT, COM7, CTW, DELTA, GLOW, HANA, IHL, KIAT, LH, LIT, LPN, MOONG, NYT, PTTGC, QH, SAT, SMIT, SNC, TWPC, UTP, WHAUP

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์(6ก.พ.) ว่า กลยุทธ์การลงทุน การรายงานงบไตรมาส 4/61 ของภาคการผลิตน่าจะทยอยประกาศช่วงปลายเดือน ก.พ. ยกเว้นการเมืองที่มีพัฒนาการนำไปสู่การเลือกตั้ง 24 มี.ค. นี้ ซึ่งน่าจะมีน้ำหนักหนุนดัชนีขึ้นต่อ หากสามารถผ่านกรอบการเคลื่อนไหว 1645-1663  จุดได้

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เน้นไปที่หุ้นปันผล และหุ้นที่ได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง โดยปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ ดังกล่าวข้างต้น ส่วนในประเทศ จุดที่น่าสนใจมีอยู่ 2 ประเด็น คือ การประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/61 ของบริษัทจดทะเบียนในภาค Real Sector ซึ่งน่าจะทยอยประกาศมากขึ้นในช่วงของปลายเดือน ก.พ. นี้

ส่วนอีกประเด็นคือการเลือกตั้งในประเทศซึ่งผ่านช่วงรับสมัคร ส.ส. ทั่วประเทศได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 62 ส่วนกระบวนการหลังจากนี้ คือ 15 ก.พ. กกต.ประกาศรายชื่อผู้สมัคร, 4-16 มี.ค. เป็นวันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร, 17 มี.ค. เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า, 24 มี.ค. วันเลือกตั้ง ส.ส. ทั่วประเทศ และ 9 พ.ค. กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง

พัฒนาการทางการเมืองที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี สะท้อนจากสถิติในช่วงการเลือกตั้ง 4 ครั้งหลังสุด พบว่า SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงก่อนเลือกตั้ง 3 เดือน และปรับขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วง 1 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 4.88% และให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้ง 4 ครั้ง

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าน่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติ ที่ลดน้ำหนักการถือครองหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเกือบ 6 ปีที่ผ่านมา เริ่มกลับเข้ามาสู่ตลาดหุ้นไทย โดยคาดหวังว่าจะเห็นน้ำหนักการลงทุนถูกปรับจาก น้อยกว่าตลาด (Underweight) มาเป็นเท่ากับตลาด (Neutral) ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ค่า PER ของตลาดหุ้นไทย กลับไปที่ 16 เท่า (เทียบเท่า 1795 จุด ณ สิ้นปี 2562) ได้อีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำหุ้นในกลุ่มที่น่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากกระแสการเลือกตั้ง เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC, CK) กลุ่มธนาคารพาณิชย์  (BBL, KBANK) กลุ่มค้าปลีก (ROBINS, BJC, CPALL) กลุ่มสื่อ-สิ่งพิมพ์ (PLANB) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) รวมถึงหุ้นสาธารณูปโภคคือ SCCC ซึ่งรายได้หลักมาจาการขายปูนซิเมนต์ แตกต่างจาก SCC ที่รายได้และกำไรรวม กว่า 65% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี และพิจารณา upside ของ SCCC ยังมีกว่า 15%

ขณะที่ SCC มี upside จำกัด นักวิเคราะห์ ASPS จึงให้ Switch จาก SCC มายังหุ้น SCCC  และยังให้เงินปันผล 3.9% (จะประกาศงบ 20 ก.พ. นี้)  นอกจากนี้หลังการประกาศงบฯจะเข้าสู่ช่วงของการจ่ายเงินปันผลจึงแนะนำหุ้น Dividend yield สูง  อาทิ MAJOR, QH รวมทั้ง POPF  โดยแนะนำให้ซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณ 1 เดือน

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button