สังคมข่าวหุ้น

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,665.27 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.71 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 5.2 หมื่นล้านบาท


นิวส์เวฟ

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,665.27 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.71 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 5.2 หมื่นล้านบาท

* เริ่มกันด้วยหุ้นแรกวันนี้ขอเลือก MINT แม้ผลการดำเนินงานปี 2561 จะทำกำไรได้แค่ทรงตัวที่ระดับ 5.4 พันล้านบาท แต่มีประเด็นที่น่าสนใจซ่อนอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน คือ 1. ประเด็นเชิงพื้นฐาน 2. การแจกวอร์แรนต์ฟรี (MINT-W6) นั่นเอง

* สำหรับเชิงพื้นฐานแล้ว ตัวงบไตรมาส 4/2561 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ลดลงประมาณ 7% จากปีก่อน แต่ถ้าเราลองตัดรายการพิเศษต่าง ๆ ออกไป จะพบว่า กำไรปกติทำได้สวยถึง 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเด่นกว่า 20% จากปีก่อนเลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้บุ๊กผลตอบแทนของ NH Hotel เข้ามาแล้วนั่นเอง

* ส่งผลให้ปี 2562 จึงถือเป็นขวบปีแรกที่ MINT จะบันทึก NH Hotel เข้ามาเต็มปีครั้งแรก เมื่อบวกกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้นเข้ามาช่วยกระตุ้นธุรกิจอาหาร ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ MINT กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง

* อีกประเด็นที่น่าจับตา คือ การแจกวอร์แรนต์ MINT-W6 ในอัตรา 20 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XW ภายในวันที่ 26 เม.ย. ซึ่งไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ซึ่งทางบริษัทกำหนดไว้ที่ 43 บาท ในอัตรา 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ

* จึงเห็นได้ว่าราคาใช้สิทธินั้นสูงกว่าราคาในกระดานที่เมื่อวานปิดบวก 38.50 บาท เสียอีก และเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าบริษัทเชื่อมั่นถึงฐานราคาในกระดานช่วงอนาคตต้องวิ่งสูงกว่าราคาใช้สิทธิแปลงสภาพได้ เพื่อจูงใจให้คนได้ MINT-W6 (ฟรี) ใช้สิทธินั่นเอง

* งานนี้ คงไม่มีใครการันตีได้ว่าราคาในกระดานของ MINT จะขยับขึ้นสูงจนสามารถจูงใจคนใช้สิทธิแปลงสภาพได้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ เคยมีบริษัทที่ใช้กลยุทธ์นี้และประสบความสำเร็จไปแล้วนั่นก็คือ IVL ซึ่งเคยกำหนดราคาแปลงสภาพไว้สูงกว่ากระดานมาก (จนในขณะนั้นหลายคนเชื่อว่าทำไม่ได้) แต่สุดท้ายราคาหุ้นขยับเพิ่มขึ้นตามพื้นฐานบริษัทที่เติบโต จนสุดท้ายเกิดส่วนต่างราคาจูงใจและมีคนใช้สิทธิแปลงสภาพไปเกือบเต็มจำนวน

* ส่วน MINT จะทำได้สำเร็จเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับวอร์แรนต์ของ IVL หรือไม่นั้น จุดชี้วัดสำคัญอยู่ที่พื้นฐานบริษัทจะสร้างการเติบโตได้มากน้อยเพียงใด เพราะแม้จะมีปัจจัยบวกควบรวมงบของ NH Hotel เข้ามา แต่ในอีกมุมหนึ่งย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า ต้นทุนทางการเงินของบริษัทนั้นสูงขึ้นมากตามหลังจากต้องกู้เงินไปเข้าซื้อ NH Hotel และนี่ถือเป็นการเดิมพันใหญ่ไม่เบาเช่นกัน

* หุ้น NOBLE หลังจากบวกแรงจนชนซิลลิ่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ขานรับกรณีจ่ายเงินปันผลภาคพิสดารถึงจำนวน 6.90 บาทต่อหุ้น (ควักจ่ายจากกำไรสะสมเป็นหลัก) ขณะนี้เองยังไม่ได้มีความชัดเจนว่า ที่บอร์ดบริษัทตัดสินใจจ่ายปันผลมหาศาลเป็นเพราะอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม หลังจากหุ้นชนซิลลิ่งไปแล้วแต่อาการหลังจากนั้นชักน่าเป็นห่วงอย่างมาก

* เริ่มจากงวดวันอังคารหุ้นถูกขายทำกำไรหนักฉุดปิดลบ 24.50 บาท เท่ากับลงไปแล้วเกือบ 6% ล่าสุดเมื่อวานนี้ถอยลงอีกต่อเนื่อง 8.5% เหลือแค่ 22.40 บาท รวมงวด 2 วันทำการราคาดิ่งลงไปแล้วกว่า 14% และดูทรงราคาแล้วท่าทางโอกาสที่จะถอยลงต่อคงยังไม่จบสิ้นภายในเร็ว ๆ นี้แน่

* ซึ่งแม้เงินปันผล 6.90 บาท คิดเป็นผลตอบแทนสูงถึง 30% เมื่อเทียบราคาปิดในกระดานล่าสุด แต่ดูทิศทางคนที่เข้าไปลุยหุ้นNOBLE กันในตอนนี้ล้วนมุ่งหวังที่จะได้รับกำไรหุ้นเป็นหลักมากกว่าถือเพื่อรอปันผล จึงพร้อมที่จะขายออกมาก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 มี.ค.แน่นอน เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่หลังขึ้น XD ไปแล้ว ราคาในกระดานจะดิ่งหนักยิ่งกว่าปันผลเสียอีก

* เลยขอฝากเตือนนักลงทุนที่กำลังเล็งเข้าไปเก็งกำไรโปรดคิดให้ดีว่ารับมือได้มากน้อยเพียงใด เพราะงวดวันจันทร์ราคาเพิ่มขึ้น 30% แต่พอขยับมาวันอังคาร-พุธดิ่งลงไปกว่า 14% สะท้อนให้เห็นถึงความเหวี่ยงของราคาเป็นอย่างมาก จึงขอย้ำนักลงทุนอีกครั้งต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะบางทีอะไรที่ดูมากเกินอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปเช่นกัน

Back to top button