จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนมี.ค.เคาะ 11 หุ้นเด็ดเน้น Domestic play-ขนาดกลาง-ปันผลเด่นน่าเก็บ!

จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนมี.ค.เคาะ 11 หุ้นเด็ดเน้น Domestic play-ขนาดกลาง-ปันผลเด่นน่าเก็บ!


เข้าสู่ช่วงการลงทุนเดือนมีนาคม 2562 และถือเป็นเดือนสุดท้ายก่อนปิดงบไตรมาส 1/62  “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนพร้อมปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนมานำเสนอ โดยอาศัยบทวิเคราะห์บล.เคจีไอ ,บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง และ บล.เอเซีย พลัสมานำเสนอ

โดยส่วนใหญ่โบรกเกอร์มองว่าการลงทุนในเดือนนี้มีความผันผวนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับก.พ.จากปัจจัยการเมืองในประเทศ นำโดยวันที่ 7มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญแถลงคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.)และ 24 มี.ค.การเลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศ ซึ่งยากมากต่อการประเมินผล

ดังนั้นธีมการลงทุนแนะนำให้เลือกหุ้นโดยอิงจากปัจจัยเฉพาะตัวและเน้นที่หุ้นขนาดกลางและหุ้นปันผลเด่น และลงทุนกลุ่มใน Domestic play  โดยหุ้นเด่นของในเดือน มี.ค.ได้แก่ AAV,ERW,BTS,PLANB,RS,PSH,NYT,CPALL,BEM,EGCOและPTTEP ซึ่งบทวิเคราะห์ระบุไว้ดังนี้

บล.เคจีไอ กลยุทธ์การลงทุนระมัดระวังมากขึ้นกับทิศทางของ SET ในเดือนมีนาคม เนื่องจาก i) ผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 4/61 ทำให้มีการปรับลดประมาณการ EPS และทำให้ราคาหุ้นกลายเป็นแพงขึ้นค่อนข้างเร็ว  ii) มีโอกาสที่นักลงทุนจะขายหุ้นรับข่าว หรือ ‘sell on fact’ เมื่อประเด็นด้านเศรษฐกิจโลกชัดเจนมากขึ้นในเดือนนี้ เช่นการเจรจาการค้า เรื่อง Brexit รวมทั้งผลประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ หลังจากที่ความคาดหวังในประเด็นเหล่านี้หนุนตลาดหุ้นโลกมาสองสามสัปดาห์แล้ว iii) นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์ก่อนจะทราบผลการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562

ดังนั้น จึงเลือกธีมการคัดหุ้นโดยอิงจากปัจจัยเฉพาะตัว (bottom-up drivers) และเน้นที่หุ้นขนาดกลาง และหุ้นปันผลเด่น โดยหุ้นเด่นของในเดือน มี.ค.ได้แก่ AAV*, ERW*, BTS*, PLANB*, RS*, PSH* และ NYT

มุมมองตลาดเดือนมีนาคม: ตลาดมีโอกาสปรับฐาน แนะนำปรับพอร์ตเน้นหุ้นเสี่ยงไม่มาก หลังจากที่มอง ‘บวก’ กับ SET มาสองเดือนติดต่อกัน (มกราคม – กุมภาพันธ์) ก็ได้ปรับมุมมองตลาดเดือนมีนาคมเป็น ‘กลาง’ และแนะนำให้นักลงทุนปรับพอร์ตให้มีลักษณะ defensive มากขึ้น

เนื่องจากเหตุผลสามข้อได้แก่ i) ผลประกอบการไตรมาส4/61 ออกมาน่าผิดหวัง และทำให้มีการปรับลดประมาณการกำไรลงอย่างมีนัยสำคัญส่งผลให้หุ้นไทยกลายเป็นหุ้นแพงและไม่น่าสนใจ ii) ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจมหภาคของโลกส่วนใหญ่ (การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน, Brexit และการตัดสินใจของ FOMC) จะชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่สามของเดือนมีนาคม และน่าจะทำให้นักลงทุนขายหุ้นแบบ ‘sell on fact’ หลังจากที่ปัจจัยเหล่านี้หนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา iii) ผลการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 256 ซึ่งยังเดายาก และเมื่อบวกกับกระแสข่าวการเมืองในช่วงนี้ คิดว่านักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะเลือกรอดูสถานการณ์ไปก่อนจนกว่าผลการเลือกตั้งจะชัดเจน

หุ้นเด่นเดือนมีนาคม: เน้นหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่มีปัจจัยเฉพาะตัว

เนื่องจากมีมุมมองที่ระมัดระวังกับ SET Index มากขึ้นในเดือนมีนาคม จึงแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้น big caps ประเภท conventional และ เน้นที่หุ้นขนาดกลางที่มี bottom-up price drivers โดยธีมการลงทุนของได้แก่

i) ข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยยังคงแข็งแกร่งขึ้นอีก (หุ้นเด่นกลุ่มนี้คือ AAV* และ ERW*)

ii) หุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซึ่งยังมีโอกาสที่รัฐบาลจะเปลี่ยนไปหากลุ่ม BSR ถ้าหากว่าการเจรจากับ CP consortium ล้มเหลว (หุ้นเด่นกลุ่มนี้คือ BTS*)

iii) ความคาดหวังด้านบวกต่อการเลือกตั้งซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น กลุ่มสื่อ (หุ้นเด่นกลุ่มนี้คือ PLANB* และ RS* ซึ่งคาดว่ากำไรของทั้งสองบริษัทจะโตดีเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในไตรมาส1/62

นอกจากนี้หุ้นที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดี ซึ่งในกลุ่มนี้เลือก PSH* เพราะประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 1.0 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.2% และ NYT ที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.3 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 5.8%

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า Investment theme เดือนมีนาคมเดือนแห่งปัจจัยการเมืองโลก/ไทย สำหรับภาพรวมการลงทุนเดือนมีนาคมประเมินว่า SET จะมีความผันผวนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับก.พ. จากปัจจัยการเมืองในประเทศ นำโดยวันที่ 7มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญแถลงคดียุบพรรคทษช. (ผลอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงคะแนนเสียงในโค้งสุดท้าย) และ 24 มี.ค.การเลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศ ซึ่งยากมากต่อการประเมินผล

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเลือกตั้งรอบนี้จะเป็นพรรคผสมในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งในระยะแรกอาจทำให้การบริหารไม่เรียบง่ายมากนัก ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ แนะนักลงทุนจับตา ผลของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นปัจจัยหลัก ประกอบกับจะเป็นช่วงที่ Democrat เปิดศึกคดี Trump ทำให้ภาพรวมในเดือนนี้ ดูเหมือนจะกลายเป็นเดือนแห่งปัจจัยการเมืองโลก, สหรัฐ และไทย ซึ่งจะทำให้ความผันผวนสูง

Investment Theme:   ประเมินกรอบการแกว่งตัว SET ในเดือนมี.ค.ที่ 1,620-1,680 จุด คงแนะนักลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนใน Domestic play นำโดย CPALL, BEM, EGCO และเลือก PTTEP เป็นตัวแทน Global play พร้อมคงสัดส่วนเงินสด 40%

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยยังคงผันผวน โดยน่าจะอยู่ในกรอบ 1645-1670  จุด ทำให้โอกาสการทดสอบ 1700 จุด เลื่อนออกไป  คาดว่ายังไม่มีประเด็นใหม่  โดยปัจจัยในประเทศยังให้น้ำหนักต่อการเลือกตั้ง ที่เดินหน้าตามกำหนดเดิม   แต่ผลประกอบการของตลาดในงวด ไตรมาส 4/61 ต่ำกว่าคาด กดดันกำไรทั้งปี 2561 ต่ำกว่าคาด และมีแนวโน้มต้องปรับลดกำไรตลาดปี 2562  ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยอาจจะยังมีน้ำหนักไม่มากพอจะดึง fund flow ไหลเข้าไทยในระยะสั้น

กลยุทธ์การลงทุนเดือน มี.ค. คาดเดินหน้าเลือกตั้ง เป็นแรงส่ง Fund Flow ไหลเข้า แนวโน้ม Fund Flow ในเดือน มี.ค. มีโอกาสไหลกลับเข้ามา จากประเด็นบวกเฉพาะตัว อย่าง การเลือกตั้ง อีกทั้งยังสอดคล้องกับสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่า Fund flow มักจะไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยในเดือน มี.ค. สูงถึง 9 ใน 10 ปี ด้วยปริมาณเฉลี่ยที่สูงถึง 1.42 หมื่นล้านบาท (มากที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ) หนุนให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.21% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 ใน 10 ปี

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button