สังคมข่าวหุ้น

**การยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดหมายของตลาดหุ้น แต่ที่ลุ้นกันต่อไปคือ นับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่เป็นวันเลือกตั้ง จะมีปัญหาความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ หรือหากเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ต้องดูว่าจะไปกระทบวันเลือกตั้งหรือเปล่า เพราะตลาดหุ้นรอให้ถึงวันนั้นจนกว่าจะกากบาท และประกาศผลเลือกตั้งแล้วเสร็จ กระทั่งเห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่นั่นแหละ ค่อยพอเบาใจหน่อย


คาเฟอีน

**การยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดหมายของตลาดหุ้น แต่ที่ลุ้นกันต่อไปคือ นับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่เป็นวันเลือกตั้ง จะมีปัญหาความวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ หรือหากเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ต้องดูว่าจะไปกระทบวันเลือกตั้งหรือเปล่า เพราะตลาดหุ้นรอให้ถึงวันนั้นจนกว่าจะกากบาท และประกาศผลเลือกตั้งแล้วเสร็จ กระทั่งเห็นโฉมหน้ารัฐบาลใหม่นั่นแหละ ค่อยพอเบาใจหน่อย

**หุ้น ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ TQM ราคาเมื่อวานนี้ขึ้นมาปิดนิวไฮอีกครั้ง 28.75 บาท หลังจากเข้าตลาดหุ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยราคาไอพีโอ 23.00 บาท ส่วนวันจันทร์ 11 มี.ค.นี้ จะขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผล (พิเศษ) 0.30 บาท (งวดไตรมาส 4/2561) แต่จากการดีดลูกคิดของโบรกฯ ประเมินว่า ผลตอบแทนเงินปันผลของ TQM ต่อปี (ปี 2562) น่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% และจะเห็นว่าบรรดานักลงทุนสถาบัน หรือประเภท VI กอดหุ้นกันแน่นเลย ราคาเป้าหมายสูงสุดตอนนี้อยู่ที่ 32.50 บาท

**ธิดา แก้วบุตตา แม่ทัพสาวสวยของ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SAWAD บอกว่ากำลังรอการตัดสินใจของบอร์ดว่าจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน BFIT หรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์คำนวณว่า SAWAD ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนกว่า 5.5 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะไม่กระทบกับฐานะการเงินของ SAWAD เพราะมีเงินจากกลุ่มคาเธ่ย์ฯ ไต้หวัน ที่ใส่เงินเพิ่มทุนใน SAWAD เข้ามาก่อนหน้านี้ และ SAWAD เองก็มีเงินสดในมือเยอะ ปัญหาเรื่องหนี้สินต่อทุน D/E จึงไม่น่าห่วง  และเชื่อว่า SAWAD จะใช้สิทธิเพิ่มทุนแน่นอน เพื่อจะได้ถือหุ้นใน BFIT เกินกว่า 50% จากปัจจุบันมีอยู่ 45-46%

**อะไรที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงามมักจะอันตราย !!! อย่างหุ้น BEAUTY ราคาเมื่อวานนี้เพิ่งจะฟื้นตัวหรือเป็นเทคนิเคิลรีบาวด์ ขึ้นมาตามสัญญาณทางเทคนิค หลังหลายวันก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับลงมาตลอด และร่วงลงไปแถวแนวรับสำคัญ 6.50 บาท แต่ราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นมา ไม่น่าจะไปได้ไกล จนกว่าจะมั่นใจว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2562 ฟื้นตัวขึ้นมาจริง ๆ ราคามีแนวต้านที่ระดับ 7.10 บาท เมื่อวานนี้ปิด 6.90 บาท ส่วนราคาหุ้นที่เป็น IAA Consensus Target Price อยู่ที่ 8.50 บาท

**หุ้นกลุ่มธนาคารในก่อนหน้านี้ร่วงลงยกแผง แต่ถัดมาเพียง 1 วัน กลับขึ้นยกแผง 555….. นำโดย BBL ของบอสโทนี่ ชาติศิริ โสภณพนิช ที่ถูกจัดเป็นหุ้นแกร่งสุดในปฐพี เพราะตั้งการ์ดแน่นมาก เงินกองทุนไม่ต้องห่วงเลย ดังนั้นหากราคาหุ้นตัวนี้ลง นั่นคือ เวลาซื้อ ยิ่งราคาขยับลงมาใกล้ 200 บาท  ยิ่งควรเก็บ เพราะถูกจัดเป็น DCA Stock ของบรรดานักวิเคราะห์ แถมเงินปันผลยังค่อนข้างน่าสนใจ ยีลด์กว่า 3.50%  ส่วนกสิกรไทย KBANK ของเสี่ยปั้น บัณฑูร ล่ำซำ ยังต้องลุ้นต่อไปว่าจะกลับขึ้นมายืนเหนือ 200 บาทได้อีกครั้งเมื่อไหร่

**BJC  ปี 2562 ดูเหมือนจะเป็นหุ้นที่ดีอีกตัว ทั้งราคาวัตถุดิบหลักและต้นทุนพลังงานลดลง ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นน่าจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัว ส่วนราคาซื้อขาย BJC ดูน่าสนใจเมื่อเทียบกับ CPALL ที่เป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่เช่นกัน แม้แนวโน้มการเติบโตของทั้งสองบริษัทนี้ใกล้เคียงกัน แต่เพียง PER ของ BJC อยู่ที่เพียง 27.1 เท่า ปี 2562 ซึ่งต่ำกว่า CPALL ที่ 29.2 เท่า ส่วน  IAA Consensus Target Price อยู่ที่ 63.00 บาท ราคาหุ้นกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง น่าสนใจไม่ใช่น้อย

**ขุนคลัง อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์  ให้ความเห็นการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย TMB กับแบงก์ธนชาต จะสำเร็จหรือไม่คงยังบอกไม่ได้  ถ้าสำเร็จคลังก็พร้อมที่จะใส่เงินเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาท แต่การควบรวมระหว่างแบงก์เล็กทำให้เกิดเป็นขนาดใหญ่นี้ ย่อมได้เปรียบในแง่ของต้นทุน ถ้าเทียบกับแบงก์ใหญ่ถ้าเป็นแบงก์เล็กจะมีต้นทุนที่สูงกว่าในการระดมเงินฝาก มีความสำคัญในการแข่งขันในอนาคต ส่วนการควบรวมกับ “แบงก์กรุงไทย” นั้นคงต้องไปถามกรุงไทยเรื่องดังกล่าวเพราะตนไม่สามารถตอบได้

Back to top button