เซียนหุ้นรุ่นเก่า-ใหม่

หลายครั้งที่นั่งคุยกับบรรดาเซียนหุ้น โดยเฉพาะที่เป็นรุ่นเก๋า ๆ ก็มักจะบอกว่าตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไปเยอะ


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย  ณ นคร

หลายครั้งที่นั่งคุยกับบรรดาเซียนหุ้น โดยเฉพาะที่เป็นรุ่นเก๋า ๆ ก็มักจะบอกว่าตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไปเยอะ

พอฟังแล้วทำให้คิดต่อไปว่า มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ นะ

ทว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มันไม่ได้มีแต่เฉพาะกับตลาดหุ้นไทยเท่านั้น

กลับยังรวมไปถึงวัฒนธรรม การเมือง และอะไรต่ออะไรอีกหลาย ๆ อย่าง ที่บางอย่างต้องถูก Disruption หรือบางอย่างกำลังถูกกลืน หรือเกิดการ “ปะทะ” กันโดยไม่รู้ตัว

ก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งของ “กลุ่มคนจัดงานบวช” กับ “สถาบันการศึกษา”

ทั้งจากกรณีเกิดเหตุที่วัดสิงห์ และบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

กรณีของวัดสิงห์คงจะไม่ไปกล่าวถึงมากนัก

แต่เหตุที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต หากเจาะลึกลงไป เราจะพบว่า “วัฒนธรรมคนเมือง” กำลังกลืนกิน “วัฒนธรรมคนชนบท” เข้าไปทุกขณะ

เมืองมีการขยายตัวออกไป ทำให้เกิดการชนหรือปะทะกันระหว่าง “เมือง” กับ “ชนบท”

สองวัฒนธรรมนี้แตกต่างกันมาก

แต่แน่นอนว่า พละกำลังของวัฒนธรรมคนเมือง จะมีมากกว่าของชนบท และนั่นทำให้ ความเป็นชนบทกำลังถูกลดบทบาทลงไปทุกขณะ ทั้งที่บางเรื่องก็ปฏิบัติกันมาช้านาน (แต่การใช้กำลัง หรือความรุนแรง ไม่ใช่ทางออก และผิดดกฎหมาย)

บริบททางสังคม(ไทย)จึงเปลี่ยนแปลงไปมาก

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทุกคนก็จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้

หันมาดูการเมืองกันบ้าง

เสมือนว่าในช่วงนี้กำลังเห็นความชัดเจนของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่แบ่งออกมาเป็น 2 ฝ่าย

สองฝ่ายที่ว่านี้คือ การเมืองของ “คนรุ่นใหม่” ที่มีแนวความคิดต่างจาก “นักการเมืองรุ่นเก่า”

จะว่าไปแล้วยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า สิ่งที่เป็นแนวคิดของคนรุ่นใหม่จะดีกว่าคนรุ่นเก่า หรือแนวคิดของนักการเมืองหรือวิธีการของคนรุ่นเก่าจะยังคงใช้ได้อยู่ต่อไป

อย่างว่าล่ะ หลายคนก็อยากจะลองของใหม่กันบ้าง

แนวคิดใหม่ที่ว่านี้ ทำให้เกิดการ “ปะทะ” กับคนรุ่นก่อนหน้านี้(รุ่นเก่า)เช่นเดียวกัน และถูกมองว่า “เป็นไปไม่ได้”

คนรุ่นเก่าหากมีวิธีปรับตัว ที่ใช้ “ความเก๋า” หรือประสบการณ์ มาปรับใช้กับสังคมสมัยใหม่ รวมถึงปรับใช้กับคนรุ่นใหม่ ก็เชื่อว่าพวกเขาจะเดินต่อไปได้

แล้วหากเป็นคนรุ่นเก่าที่ยังคงความคิดแบบเชิงอนุรักษนิยม หรือ Conservative ล่ะ

คำตอบคือต้องปล่อยให้ตกน้ำป๋อมแป๋มไปนั่นแหละ

ส่วนคนรุ่นใหม่เอง หากศึกษาจากคนที่มีประสบการณ์ และนำมา “ปรับใช้” เพื่อเป็นแนวทางการทำงาน ก็เชื่อเช่นกันว่า จะก้าวต่อไปแบบไม่มีสะดุด

บริษัทจดทะเบียน(บจ.)หลายแห่ง และองค์กรขนาดใหญ่ของไทย จะพบว่ามีผู้บริหารคนรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหารงานกันมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นเก่า ประสบการณ์สูง ก็จะยังคงเป็นฝ่าย support เบื้องหลัง

กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยกันบ้าง

ก่อนหน้านี้เคยเขียนไปแล้วว่า ผลิตภัณฑ์ทางด้านตลาดทุนที่เข้ามาต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงไป

เซียนหุ้นรุ่นเก๋า บางคนถึงกับบอกว่า เขาเป็น “นักลงทุนรุ่นเก่า” ไปแล้ว

บริบทในตลาดหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ ทำให้เทคนิคการลงทุนต่าง ๆ ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนไป จนเกิดเรื่องของ Disruption ขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

บล็อกเทรด เป็นอีกนวัตกรรมการลงทุนที่ว่ากันว่า ทำให้เทคนิคการลงทุนโดยการดูสัญญาณทางเทคนิคเกิดการ “พัง”

พังที่ว่านี้หมายถึง “กราฟพัง”

หรือแม้กระทั่ง DW  ในช่วงที่จะปิดสัญญา ทำให้หุ้นที่อ้างอิงเกิด “ผันผวน” อย่างหนัก

หรืออย่างการซื้อหุ้น ก่อนขึ้น XD (เพียงไม่กี่วัน) เพื่อรับปันผล กลายเป็นวิธีการ “ล้าสมัย” ไปแล้ว และมีโอกาสขาดทุนสูงมาก จากราคาหุ้นที่ร่วงแรง(ในวันขึ้น XD) หรือลงมากกว่าเงินปันผลที่จะได้รับ

เราจึงเห็นหุ้นหลายตัวปรับลงก่อนขึ้น XD เสียอีก

นั่นเพราะโบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำให้ดักเล่นหุ้นเหล่านี้ ด้วยการซื้อล่วงหน้าสัก 2 สัปดาห์

หรือหากจะให้ชัวร์ก็คือซื้อล่วงหน้า 1 เดือน เพื่อรับส่วนต่าง capital gain(ไม่ต้องรอปันผล) ขายก่อนขึ้น XD 1-2 วัน

เทคนิคการเทรดหุ้นวันนี้จึงเปลี่ยนแปลงไปมาก

นักลงทุนรุ่นใหม่ต่างพยายามที่จะหาวิธีเทรดหุ้น เพื่อให้ตนเองได้ทำกำไรจากการลงทุนให้มากสุด เพื่อเป็น “เซียนหุ้นรุ่นใหม่”

ส่วน “เซียนหุ้นรุ่นเก่า” ต่างก็พยายามปรับตัวเพื่อให้ตนเองยังคงอยู่ได้ต่อไป

Back to top button