หุ้นเด็ดหลังเลือกตั้ง!

เชื่อว่าหลังจากจบสิ้นเรื่องการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.62 คาดจะทำให้ลดความกังวลความเสี่ยงทางการเมืองออกไปบ้าง และจะทำให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าภาวะเศรษฐกิจจะก้าวเดินไปสู่การเติบโตอย่างมั่งคั่งต่อไปในอนาคต ซึ่งจะช่วยหนุนให้ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ


เส้นทางนักลงทุน

เชื่อว่าหลังจากจบสิ้นเรื่องการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.62 คาดจะทำให้ลดความกังวลความเสี่ยงทางการเมืองออกไปบ้าง และจะทำให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าภาวะเศรษฐกิจจะก้าวเดินไปสู่การเติบโตอย่างมั่งคั่งต่อไปในอนาคต ซึ่งจะช่วยหนุนให้ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวดีขึ้นตามลำดับ

เช่นเดียวกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น อย่างกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มสื่อ

สำหรับกลุ่มค้าปลีก มองว่า ได้อานิสงส์บวกจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคการเมืองหลักทั้ง 4 พรรคนำมาใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของค่าแรงขั้นต่ำใหม่สูงกว่าระดับปัจจุบันราว 25-30% คาดหนุนกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าให้ปรับตัวดีขึ้น

เลือกหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เนื่องจากโอกาสที่จะมียอดขายเพิ่มมากขึ้นหลังจากปัจจุบันมีสาขาเซเว่น อีเลฟเว่น ในเมืองไทยกว่า 1 หมื่นสาขา และยังคงจะเปิดสาขาในปีนี้อีก 700 สาขา เป็น 11,688 สาขา พร้อมกับยังมีเป้าหมายเปิดสาขาให้ครบ 13,000 สาขาในปี 2564 ประกอบกับมีการคาดว่าผลประกอบการของ MAKRO จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ ผลดังกล่าวอาจจะทำให้กำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ราว 23,700 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว คาดเมื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีมุมมองความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยที่ลดลง จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น หลังจากที่จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มเติบโตเร็วขึ้น

เลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการท่าอากาศยานจดทะเบียนเพียงรายเดียวที่มี 6 สนามบิน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานภูเก็ต, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  AAV จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ด้วยนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้น และจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ทำให้ประเมินรายได้จะยังเติบโตได้ดีมาอยู่ที่ 4.34 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 12% จากปีก่อน เป็นไปตามจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA และราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่ง AAV มีสัญญาซื้อล่วงหน้าในสัดส่วนถึง 50% ของปริมาณการใช้ทั้งปีแล้ว รวมถึงยังได้รับอานิสงส์จากอัตราค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นด้วย

สำหรับการเปิดเส้นทางใหม่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องโดยตลาดประเทศในกลุ่ม CLMV และอินเดีย จะเป็นเส้นทางที่ AAV ให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากต้องการให้จำนวนผู้โดยสารในสองกลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเพื่อลดการพึ่งพิงตลาดลูกค้าจากประเทศจีน โดยปัจจุบัน AAV มีสัดส่วนลูกค้าจากจีน CLMV และอินเดีย อยู่ที่ 30%, 10%, 5% ตามลำดับ และวางเป้าในอนาคตจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 20%, 15% และ 10% ตามลำดับ

ส่วนกลุ่มสื่อ คาดเอเจนซี่ที่ชะลอการใช้เม็ดเงินในช่วงก่อนหน้าจะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจนและบริโภคในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น โดยยกตัวอย่างกลุ่มที่เห็นสัญญาณบวกจากส่วนแบ่งในเม็ดเงินโฆษณาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ได้แก่ กลุ่มดิจิทัลทีวี (เพิ่มจาก 62.7% ณ สิ้น ธ.ค.61 เป็น 64.8%) เลือกหุ้นที่จะได้ประโยชน์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC โดยกลยุทธ์ในปัจจุบัน คือ 1) การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดทั้ง ช่องทางออฟไลน์และออนไลน์, 2) การลดค่าใช้จ่าย และ 3) การหาโอกาสทำธุรกิจในต่างประเทศ

ขณะที่ทางกลุ่ม Out of Home  (เพิ่มจาก 12.2% ณ สิ้น ธ.ค.61 เป็น 13.7%) ดังนั้นแนะหุ้นที่จะได้รับประโยชน์คือ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI จะมีการสร้าง synergy จากฐานข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น ประกอบกับมีการปรับโครงสร้างธุรกิจเพิ่มแพลตฟอร์มที่หลากหลาย และการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืนจากการขยายเส้นทางของ BTS รวมถึงการร่วมทุนกับ Kerry TH ที่จะสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการสมมุติฐานเบื้องต้นของนักวิเคราะห์ ว่าบริษัทที่นำเสนอข้างต้นจะเป็นส่วนหนึ่งจะได้รับประโยชน์หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปแล้ว…หากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศจะนำพาเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวไปได้ดี !!!

Back to top button