หลายคน ยลตามช่อง

ในที่สุดการเลือกตั้งทั่วไปในรอบ 8 ปีก็ผ่านไป ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งแรกคงได้ลิ้มรสกับ “อำนาจอธิปไตย 5 นาที” กับคนอายุมากกว่าบ้าง ส่วนจะสมหวัง หรือผิดหวังก็เป็นนานาจิตตังไป


พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล 

ในที่สุดการเลือกตั้งทั่วไปในรอบ 8 ปีก็ผ่านไป ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งแรกคงได้ลิ้มรสกับ อำนาจอธิปไตย 5 นาที กับคนอายุมากกว่าบ้าง ส่วนจะสมหวัง หรือผิดหวังก็เป็นนานาจิตตังไป

ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะคาดเดากันล่วงหน้าพอสมควร ว่า ไม่ว่าพรรคไหนจะได้รับเสียงเลือกมาเท่าใดไม่ใช่ประเด็น เพราะท้ายสุดแผนการต่ออายุนายกรัฐมนตรีให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องดำเนินต่อไป

สิ่งที่คาดเดายากจากนี้ไปคือ หากพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีผ่านการเลือกตั้ง (ไม่ว่ากติกาจะเฮงซวยแค่ไหน) ก็เป็นเรื่องท้าทายว่า การรักษาอำนาจในช่วงเวลารัฐประหารจะมีพลานุภาพเหมือนเดิมแค่ไหน แล้วพลเอกประยุทธ์ที่นั่งเก้าอี้ควบ 2 เก้าอี้คือ หัวหน้าคสช. กับนายกรัฐมนตรี จะวางบทบาทอย่างไรในกรณีมีผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นมา

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทย : ปิดพุ่งแรง ด้วยมูลค่าการซื้อขายคึกคักพอสมควร 46,485.93 ล้านบาท จากแรงซื้อเก็งกำไรก่อนรู้เลือกตั้งของต่างชาติและกองทุน โดยคาดหวังเชิงบวกว่า พลเอกประยุทธ์ฟอร์มทีมรัฐบาลไร้ปัญหา และการที่แนวโน้มดอลลาร์อ่อน-บาทแข็ง จะสนับสนุนให้กระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลกลับเข้ามาหลังเลือกตั้งแล้วเสร็จ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่หรือหุ้นบิ๊กแคปขึ้นนำตลาดฯต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากการที่นักลงทุนมีความคาดหวังว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อ จึงได้เข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่ขึ้นนำตลาดฯวันนี้ โดยเฉพาะหุ้นที่มองว่าเป็นเป้าหมายของต่างชาติ

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ ทางเทคนิคดัชนีฯถูกคาดหมายว่าจะสามารถทะลุแนวต้าน 1,640 จุดขึ้นไปได้ รวมถึงจับตาการทำ Window Dressing จะทำให้ทิศทางเป็นขาขึ้นแบบไซด์เวย์ ก่อนที่จะปิดงบฯไตรมาส 1/62

มุมมองแบบโลกสวยดังกล่าวถือว่ามีเหตุผล หากพิจารณาจากประสบการณ์เก่า ๆ ของนักลงทุนไทยล้วน ๆ มองข้ามปัจจัยนอกประเทศที่ยังต้องลุ้นกันหนักหลายประเด็น เช่น 1) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในวันที่ 27 มี.ค.ว่าจะยังมีขึ้นหรือไม่ และจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้หรือไม่ 2) ฐานะการคลังรัฐบาลกลางที่เลวร้ายเกินคาดของรัฐบาลทรัมป์ 3) การถดถอยของธุรกิจกิจอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา

เรื่องแรก แม้ทรัมป์และพวกจะพยายามออกข่าวดีตลอดมาว่าการเจรจากับจีนคืบหน้าเกินคาด แต่ก็ไม่มีหลักประกันใดที่บ่งชี้ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ขั้นต่ำได้ เหตุผลเพราะจีนเองเตรียมการรับมือดีพอสมควร จนเริ่มมีคำเตือนออกมาว่าการเจรจาอาจล่มได้

เรื่องต่อไป ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่ประกาศมาเมื่อวันศุกร์ ระบุว่า งบประมาณรัฐบาลกลางสิ้นงวดเดือนมีนาคมนี้เอง มีสถิติใหม่ล่าสุด ขาดดุลมากสุดในประวัติศาสตร์ และตัวเลขหนี้สาธารณะ มียอดแซงเกิน 22 ล้านล้านดอลลาร์

ที่น่าสนใจคือเรื่องสุดท้าย อัตราดอกเบี้ยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์อายุ 30 ปีต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ที่ค่าเฉลี่ย 4.125-4.25% ต่อปี แต่สถาบันการเงินบางรายสามารถลดลงต่ำได้ถึงระดับ 3.875% ต่อปี สะท้อนว่าตลาดเข้าสู่อาการวายมากขึ้นต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกนานในอนาคต

ภาวะเช่นนี้ ทำให้เงินกองทุนส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ มุ่งย้ายออกจากตลาดหุ้น และตลาดอื่น ๆ ไปหาตลาดตราสารหนี้ทดแทนมากขึ้น

มีคนพยายามสร้างมุมมองใหม่ว่า ฟองสบู่ที่ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าบริโภค น่าจะเริ่มต้นนับถอยหลังจริงจัง แต่จะแตกหรือไม่ คงต้องการตัวเลขยืนยันชัดเจนกว่านี้

ข่าวดีในประเทศหลังเลือกตั้งที่ย้อนแย้งข่าวร้ายจากสหรัฐฯ (และจีน) อาจจะหมายถึงขีดจำกัดทั้งขาขึ้นและขาลงได้ แต่เป็นภาวะไซด์เวย์หรือสลับฟันปลาไร้ทิศทางแทน

นักลงทุนคงต้องรับมือกับภาวะ “หลายคน ยลตามช่อง” ที่น่าอึดอัดให้ดี

อาศัยแค่เก่ง กับ เฮง คงไม่พอ

Back to top button