เปิดหุ้นเสี่ยงกำไรวูบเซ่นนโนบายค่าแรงขั้นต่ำ โบรกฯ ชี้กระทบผลงานครึ่งปีหลัง

เปิดหุ้นเสี่ยงกำไรวูบเซ่นนโนบายค่าแรงขั้นต่ำ โบรกฯ ชี้กระทบผลงานครึ่งปีหลัง


สืบเนื่องจากกรณีที่วันที่ (24 มีนาคม 2562) มีการปิดหีบการเลือกตั้ง และเริ่มนับคะแนนเสียงในแต่ละเขต โดยขณะนี้นับคะแนนเสียงได้ประมาณ 95% จากทั้งหมด โดยผลการเลือกตั้งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคเพื่อไทย จะได้จัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากยังไม่มีผลออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะต้องจับตาการแถลงข่าวของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงผลเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ค. เท่ากับว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะยังคงมีความคลุมเครืออยู่อีก 45 วัน

โดย “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจรวบรวมหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากนโนบายค่าแรงขั้นต่ำที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบในช่วงครึ่งปีหลัง ภายหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์โดยมองว่าขณะนี้เห็นความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นรูปธรรม หลังจากพรรคเพื่อไทย และ พรรคการเมืองที่จะร่วมมือกันจัดตั้งในรัฐบาลอีก 5 พรรคการเมือง (โดยข้อมูลจำนวน ส.ส. รวบรวมจาก Elect Live) จะร่วมกันแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 10:00 น. หลังรวมจำนวน เสียง ส.ส. ได้เกิน 250 เสียง

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่อง เหตุเพราะอีกขั้วหนึ่งทางการเมืองได้แก่ในฝั่งของพรรคพลังประชารัฐ ยังเดินหน้าในการรวบรวมคะแนนเสียงอยู่ โดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ยังมีตัวแปรที่สำคัญอีก 2 เรื่องคือ การประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของ กกต. ที่มีกำหนดในวันที่ 9 พ.ค. 2562 จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้จำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรคการเมืองเปลี่ยนแปลงไปจากที่นำเสนอไว้ข้างต้น และหลังจากนั้นเมื่อมีการเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ยังมีตัวแปรในเรื่องคะแนนเสียงจาก ส.ว. จำนวน 250 เสียง ที่มีสิทธิในการโหวตเลือกนายกฯ

โดยแม้จะยังไม่ได้ข้อยุติแต่โดยภาพใหญ่ฝ่ายวิจัยยังเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากกระบวนการที่กำลังเปลี่ยนเข้าสู่การบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลจากการเลือกตั้ง และยังเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดทางตัน หรือ Deadlock ทางการเมือง ทั้งนี้คาดว่าจากนี้ไปจนถึงการเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 24 พ.ค.2562 น่าจะเห็นความชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นสำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน ในช่วงเวลาที่ SET Index ปรับลดลงยังน่าจะถือเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเพื่อการลงทุน

ทั้งนี้มองว่า ค่าแรงขั้นต่ำกระทบกลุ่มชิ้นส่วนฯ  เกษตรและอาหาร ยานยนต์ โดยเชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศในปี 2562  จะเดินหน้ากระตุ้นการบริโภคครัวเรือนดังที่เคยหาเสียงไว้  โดยเฉพาะนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคาดจะเพิ่มที่ 400-425 บาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น 23-30%  จากปัจจุบันอยู่ที่ 308-330 บาท/วัน  คาดการปรับขึ้นค่าแรงจะมีผลอย่างเร็วสุด   คือช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ

อย่างไรก็ตามจากที่สำรวจในหลายอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีการรับมือปัญหาดังกล่าว อาทิ เพิ่มงบลงทุนในเครื่องจักรที่สามารถใช้ทดแทนแรงงานคน  เป็นต้น   ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้นำเสนออุตสาหกรรมที่กระทบคือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและค้าปลีกใน Market talk วันที่ 25 มี.ค.  และวันนี้นำเสนอกลุ่ม

กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์  ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายแรงงานในประเทศ สัดส่วนราว  5-8% ของต้นทุนรวม(บางบริษัทมีแรงงานอยู่ต่างประเทศ อาทิ DELTA HANA ราว 2%ของต้นทุนรวม)  เบื้องต้นฝ่ายวิจัยคาดการปรับขึ้นค่าแรงจะส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรกลุ่มชิ้นส่วนฯ ราว 11.7% จากปัจจุบัน  นำโดย SVI ,HANA , KCE , และ DELTA ตามลำดับ

กลุ่มเกษตร-อาหาร มีค่าใช้จ่ายแรงงานในประเทศ ราว 1.5-8% ของต้นทุนรวม หากรัฐบาลปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย 23% เป็น 400 บาท/วัน จะส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรกลุ่มเกษตร-อาหารราว  32.9% จากปัจจุบัน

กลุ่มยานยนต์  มีค่าใช้จ่ายแรงงานทางตรงราว 5%-10% ของยอดขาย(ยกเว้น PCSGH งวด 3Q61 นับเฉพาะโรงงานในไทยมีต้นทุนแรงงาน 17.4% ของยอดขาย)  และ SAT มีพนักงาน อยู่ในแผนกผลิตจำนวน 1,396 คน กรณีที่มีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ23%  จะส่งผลให้ค่าจ้างพนักงานในแผนกผลิตเป็น 134 – 142 ล้านบาท / ปี หรือกระทบต่อกำไรประมาณ 20 – 30 ล้านบาท/ปี  เป็นต้น

Back to top button