GULF ขึ้นชั้น “หุ้นร้อย!” วิ่งแตะระดับ “ออลไทม์ไฮ” โบรกฯเคาะเป้าต่อไป 108 บาท

GULF ขึ้นชั้น “หุ้นร้อย!” วิ่งแตะระดับ “ออลไทม์ไฮ” โบรกฯเคาะเป้าต่อไป 108 บาท โดย ณ เวลา 15.40 น. อยู่ที่ระดับ 100 บาท บวก 1 บาท หรือ 1.01% สูงสุดที่ระดับ 100 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 98.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 432.02 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 15.40 น. อยู่ที่ระดับ 100 บาท บวก 1 บาท หรือ 1.01% สูงสุดที่ระดับ 100 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 98.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 432.02 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น GULF ยังคงปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่องจะราคาแตะ 100 บาท และทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 108 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ อาจมีการประมูล โรงไฟฟ้า IPP กำลังผลิต 700MW ในภาคตะวันตก 2 โรง ภายในปี 2562 ซึ่งหากพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาของ GULF ในการประมูลโรงไฟฟ้า IPP  2 รอบล่าสุดแล้ว (ในปี 2550 และปี 2556) จะพบว่า GULF มีโอกาสสูงมากที่จะชนะการประมูลครั้งใหม่นี้ (ซึ่งจะคิดเป็นอัพไซด์ต่อราคาเปาหมายของเราราว 7 บาทต่อโรง)

ทั้งนี้ นอกเหนือจากการประมูลโรงไฟฟ้า IPP แล้ว แผน PDP ใหม่ยังมีการอ้างอิงถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาวอีก 5 โครงการ ซึ่งมี 2 โครงการที่มีโอกาสที่จะเซ็นสัญญาในเร็วๆนี้ สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับจากการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดว่า บริษัทฯ อาจร่วมมือกับบริษัทจากประเทศจีนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาว ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 1 โครงการจะคิดเป็นอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายราว 6-7 บาท

นอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว หาก GULF และ PTT ชนะการประมูลโครงการมาบตาพุด เฟส 3 ก็จะคิดเป็นการอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายของอีก 5 บาท

อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ผ่านมาของผู้บริหารเป็นเครื่องยืนยันว่า GULF จะสามารถชนะการประมูลโรงไฟฟ้าและการพัฒนาโครงการอื่นๆ ได้ตามเป้าหมาย ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2562 จาก 87 บาทมาอยู่ที่ 108 บาท

ทั้งนี้ ระดับราคาในปัจจุบันของ GULF ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง หากประเมินจากมูลค่าตลาด (Market value) ต่อ MWe (เฉพาะโครงการที่ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว) ซึ่งอยู่ที่ 28 ล้านบาทต่อ MWe ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เราให้คำแนะนำที่ 29 ล้านบาทต่อ MWe จึงยังเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพิ่ม

Back to top button