สเต็ปเดิม

*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบของ W-Shape เป็นเวลาทั้งสิ้น 2 เดือนครึ่งก็จะรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะนี้มาจากพฤติกรรม “ลากแล้วทุบ” ของนักเล่นกลุ่มสถาบันในประเทศทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากไปถามหาเหตุผลอื่นให้เสียสายตา เพราะแค่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่สวยงามเหมือนที่คิดเลยสักครั้ง จึงเลิกทำตัวเป็นพวกโลกสวยสักทีเถอะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบของ W-Shape เป็นเวลาทั้งสิ้น 2 เดือนครึ่งก็จะรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะนี้มาจากพฤติกรรม “ลากแล้วทุบ” ของนักเล่นกลุ่มสถาบันในประเทศทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากไปถามหาเหตุผลอื่นให้เสียสายตา เพราะแค่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่สวยงามเหมือนที่คิดเลยสักครั้ง จึงเลิกทำตัวเป็นพวกโลกสวยสักทีเถอะค่ะ

*สิ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้ทุกคนกลับไปคิดในเที่ยวนี้คือ การดันดัชนีขึ้นมายืนที่ 1,673.20 จุด บวกไป 12.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.29 หมื่นล้านบาท มันใช่จังหวะของการไหลตามน้ำหรือเปล่า ? ซึ่งเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่นักเล่นเคยเห็นจนชินตา และชอบปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศการลงทุน ผลสุดท้ายเลยพบกับความผิดหวังเป็นประจำ เพราะดันเจอกับรายการ “ขายหมู ซื้อหมา” ไงล่ะคะ

*นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจรูปแบบการขึ้นลงของดัชนีมีสเต็ปหลัก ๆ อยู่ด้วยกัน 3 สเต็ปในช่วงที่ผ่านมา ไล่เรียงตั้งแต่จุดเด้งกลับอย่างเป็นทางการยังอยู่ที่ 1,630 จุด ส่วนสเต็ปถัดมาเป็นเรื่องของแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,650 จุด ขณะที่สเต็ปสุดท้ายเป็นจุดของการ take profit ซึ่งตอนนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ระดับ ไล่เรียงจากจุดแรก 1,680 จุด และอีกหนึ่งด่านอยู่ที่บริเวณ 1,700 จุดนะจะบอกให้

*วันนี้ถึงไม่ต้องถามว่าควรทำตัวแบบไหน ? ควรเล่นหุ้นตัวไหน ? และควรขายตอนไหน ? เพราะรูปแบบการขยับตัวที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้กับเที่ยวก่อนไม่ต่างกันเลย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับรู้จักโอนอ่อนผ่อนปรนไปตามจังหวะของตลาดหุ้น และไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวฝืนธรรมชาติอีกต่อไป เพราะการขึ้นของตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลต่างประเทศ และท่าทีของกองทุนตัวแสบพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของเสือนอนกิน MTC กระชากขึ้นมาปิดที่ 51.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 4.04%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 954.35 ล้านบาท มันเป็นสเต็ปการเคาะแบบเล่นรอบสั้น ซึ่งเคยเห็นกันมาแล้วในช่วงที่หุ้นดีดตัวขึ้นไปถึง 50 บาท ต่อจากนั้นย้อยตัวลงมายืนแถว 45 บาท “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยวอร์รี่กับการทะยานขึ้นของหุ้นตัวนี้สักเท่าไหร่ เพราะตลาดให้แวลูของหุ้นอยู่แถวนี้เจ้าค่ะ

*ส่วนที่ติดลมบนไปเสียแล้วในเวลานี้  “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ BEC หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ 8.90 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 10.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 650.29 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเล่นในกรอบใหม่ที่บริเวณ 8 บาท ที่ย่อมทำให้เชื่อว่า เที่ยวนี้น่าจะมีการเปลี่ยนฐานอย่างบูรณาการ หากเป็นดั่งที่เดี๊ยนเกริ่นนำจะทำให้การฟอร์มตัวเที่ยวนี้เริ่ดสะแม็นแต็น..หากทำไม่ได้ บอกได้ทันทีว่า จบเกมนะคะ

*เหมือนกับในรายของ TKN ทำท่ากระเสาะกระแสะมาหลายรอบ แถมทุกครั้งที่ตั้งท่าขึ้นแรงทีไร สุดท้ายจบลงด้วยการลงมายืนแถว 9.30 บาท เป็นประจำ  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิด 3 ครั้งในรอบ 2 เดือนครึ่ง จู่ ๆ ครั้งนี้ดันวิ่งขึ้นมาแบบรวดเร็ว ก่อนจะจบลงที่ระดับ 10.20 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 5.15%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 306.42 ล้านบาท มันเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้หุ้นต้องทะยานต่ออีกระยะหนึ่ง..ถ้าทำไม่ได้ จบเช่นกันพะยะค่ะ

*สำหรับในรายของ BEAUTY มันเป็นช็อตที่ทุกอย่างถูกปูมาเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรขัดขวางการทะยานขึ้นของหุ้น เพียงแต่จังหวะนี้ไม่มีกองทุนตัวแสบเป็นเจ้าภาพอย่างเต็มตัว หุ้นถึงโค้งตัวลงมาเรื่อย ๆ แบบไม่มีลิมิต แต่เมื่อดูจากตัวเลขค่า P/E 20 เท่า “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นพยายามยืนต้านแรงขาย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 7.10 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 953.89 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่คิดหนักพอสมควรนะคะ

*ส่วนหุ้นที่มีความเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นนั้น ก็ดูได้จากกรณีของ CBG พยายามไต่ระดับขึ้นตลอดเวลา ก่อนจะปิดที่ระดับ 59.75 บาท บวกไป 5.25 บาท หรือขึ้นไป 9.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 558.16 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของกระแสข่าวลือที่มีออกมาเรื่อย ๆ หุ้นถึงเด้งขึ้นเป็นช่วง ๆ โดยไม่มีอะไรมายืนยันสักที แต่จะไปได้ไกลเกินยอดเก่าบริเวณ 60 บาทได้ไหม ?  ก็ต้องติดตามดูกันเอาเองนะคะ

*อีกหนึ่งรายที่ดูสภาพแล้วคงเล่นต่ออีกพักใหญ่ ๆ  บรรดาแมงเม่าต่างลงความเห็นเหมือนกันว่า ORI หลังมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเติบโตออกมาให้เห็นเป็นระยะ “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ต้องตามไปล้วงเรื่องราวกันเอาเอง บวกกับหุ้นเล่นกันมาหลายวัน ? จึงน่าตามไปเคาะสั้น ๆ เพื่อหาเงินค่าขนมเข้ากระเป๋าในช่วงที่แรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 7.95 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 347.89 ล้านบาทไงล่ะคะ

Back to top button