กองทุนจอมปลอม ?

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ก่อนอื่น “โมนิก้า” ขอย้ำกับเพื่อนสนิทมิตรสหายทุกคนให้รู้อีกครั้งว่า แรงขายที่มีออกมาเมื่อวานนี้ไม่ได้ทำให้เดี๊ยนรู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าแบบชิว ๆ พร้อมกับมองอาการแกว่งตัวฉวัดเฉวียนที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นเพียงการทดสอบกำลังใจของผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ จึงอยากให้นักเล่นทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ด้วยนะจ๊ะ

*วันนี้ถึงต้องถามกลับไปว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,675 จุด บวกไป 1.80 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.73 หมื่นล้านบาท เป็นโอกาสของการสะสมหุ้นรอบใหม่หรือเปล่า ? เพราะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า จุดรับของทางจิตวิทยาอยู่ที่บริเวณ 1,650 จุด และมีจุดที่เป็นแนวต้านย่อยอยู่ที่บริเวณ 1,680 จุด ซึ่งเป็นกรอบย่อยก่อนถึงแนวต้านใหญ่ จึงต้องมองเรื่องต่าง ๆ ให้แตกฉานตั้งแต่ตอนนี้ไงล่ะคะ

*โดยเฉพาะท่าทีของพวกกองทุนตัวจี๊ดที่เข้ามาไล่ราคาหุ้นหนัก ๆ ต่อจากนั้นก็ปลีกตัวหายเข้ากลีบเมฆไปเสียอย่างนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของแท็กติกการเล่นเกมเร็วที่มักจะมาพร้อมกับอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศปิดเขียวปี๋ รวมถึงทิศทางของผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2562 จะออกมาเริ่ดสะแม็นแต็นเพียงใด ล้วนเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยให้ดัชนีเหินทะยานขึ้นไปถึงเป้าหมาย 1,700 จุดแบบสบาย ๆ พะยะค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องกองทุนขึ้นมาทั้งที ความคิดของ “โมนิก้า” ก็พุ่งเป้าไปยังข่าวฮอตที่คนในวงการพูดกันสนุกปากอย่าง ADAM ขึ้นมาในทันที เพราะมีเรื่องกองทุนจอมปลอมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเต็ม ๆ และเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับเรื่องมหากาฬโครงการจำนำข้าวเสียด้วย เดี๊ยนจึงขอเม้าท์ถึงเรื่องนี้สักเล็กน้อยพอเป็นกระษัย เพราะรายละเอียดของ ก.ล.ต. ที่มีการออกข่าวไปวันก่อน ไม่ได้ปูเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรกันแน่เจ้าค่ะ

*จุดสำคัญของเรื่องนี้มันเกิดจากกลุ่มของ “เสี่ยเปี๋ยง” โดนทางการตามสอยเส้นทางการเงินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จึงเร่งดำเนินการให้ บริษัท สิราลัย จำกัด ทำการแจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น “บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด” พร้อมกับปรากฏรายชื่อ “ยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ” (เสี่ยก๋อย) และ “ผ่านชัย อรุณไพโรจน์” เข้ามาร่วมเป็นกรรมการของบริษัท ซึ่งเดี๊ยนอยากให้จำชื่อของ “เสี่ยก๋อย” ให้ขึ้นใจนะจ๊ะ

*พร้อมกันนั้นยังเร่งดำเนินการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นจำนวน 22 ล้านหุ้น มูลค่า 2,200 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมจำนวน 3 ราย คือ นางกิ่งแก้ว ลิมปิสุข จำนวน 8.80 ล้านหุ้น  มูลค่า 880 ล้านบาท นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร และนายสรวิศ จันทร์สกุลพร ถืออยู่คนละ 6.60 ล้านหุ้น รวมถือทั้งสิ้น 13.20 ล้านหุ้น มูลค่า 1,320 ล้านบาท มาเป็นกลุ่มใหม่ที่ใช้ชื่อว่า บริษัท ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 21,999,998 หุ้น มูลค่า 2,199,999,800 บาท ตามด้วย “พีรศักดิ์ ไชยกุลงามดี” และ “ยุทธพงศ์ เสรีดีเลิศ” ถือหุ้นอีกคนละ 1 หุ้น มูลค่ารวม 200 บาทนะจะบอกให้..

*ประเด็นเรื่องราวดังกล่าวคงไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่เมื่อย้อนกลับไปครั้งกระโน้นในช่วงที่มีการขายหุ้น PP ของ ADAM ซึ่งเขาพูดกันว่า ได้ทำการขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้กับ Fortune Thailand Investment Fund และผู้ถือหุ้นเดิม แต่หากเงินในการซื้อหุ้น บ.กีธาฯ ไม่เพียงพอ ก็จะขอรับเงินสนับสนุนจาก  Fortune Thailand Investment Fund มาดำเนินการ (ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น) พะยะค่ะ

*แถมตลกร้ายไปกว่านั้นคือ แมงลือพูดกันหนาหูเหลือเกินว่า กองทุนดังกล่าวคือกลุ่มผู้ลงทุนของ “ที แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์” ซึ่งก็มี “เสี่ยก๋อย” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ พร้อมกับมีการหยิบยกเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาเม้าท์กันสนุกปากเหลือเกินว่า DIMET ก็เป็นผลงานชิ้นโบดำที่เสี่ยรายดังกล่าวเคยฝากรอยแผลไว้กับแมงเม่าปีกอ่อน “โมนิก้า” ในฐานะคนที่ได้ยินเรื่องราวเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตลอดทั้งวัน เลยอยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นร้อนดังกล่าว ออกมาบอกเล่าเรื่องราวจริง ๆ ที่เกิดขึ้นมันใช่แบบนี้หรือเปล่า ? เพราะเดี๊ยนทำได้แค่เป็นสื่อกลางบอกเล่าสิ่งที่ผู้คนในตลาดหุ้นกำลังเม้าท์ถึงเจ้าค่ะ

*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอย้ำกับแฟน ๆ ข่าวหุ้นอีกครั้งว่า การลงทุนช่วงนี้ต้องเน้นหนักไปยังผลของเรื่องต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้ามีอะไรที่เป็นประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นบ้างไหม ? เพราะเป็นตัวชี้ขาดสำคัญของการลงทุนในเที่ยวนี้ จึงต้องตีวงประเด็นต่าง ๆ ให้แคบลงไปอีก เพื่อจะได้ประเมินโอกาสที่ดัชนีจะแรลลี่ยาวมีมากน้อยเพียงใด..ทราบแล้วเปลี่ยน !