พักฐาน – กำไรกลุ่มแบงก์

เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นไปบวกสูงสุด 9.69 จุด (1,683.79)


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นไปบวกสูงสุด 9.69 จุด (1,683.79)

ทว่าพอปิดตลาดกลับติดลบ (-0.62 จุด มาที่ 1,673.48 จุด)

ภาวะเช่นเมื่อวานนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดหมาย

หากนักลงทุนติดตามข่าว และบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ต่าง ๆ ก็จะพบว่ามีการเตือนถึงเรื่อง “เข้าเขตซื้อ” มากเกินไปสำหรับตลาดหุ้นไทย

ในรอบ 1 เดือนหุ้นไทยขึ้นมาเกือบ 3%

หรือจากดัชนีระดับ 1,627 จุด มาที่ระดับ 1,674 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

และหากนับจากสิ้นปี 2561 ดัชนีตลาดหุ้นไทยวิ่งขึ้นมาแล้ว 7.10%

หุ้นในกลุ่ม SET50 และ SET100 พากันขึ้นเกือบถ้วนหน้า

การขายหุ้นเพื่อทำกำไร จึงเป็นเหตุการณ์ปกติ

นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ตลาดหุ้นที่อยู่ใน “ภาวะพักฐาน” เช่นนี้ จะไม่ได้ปรับลงอย่างรุนแรงทีเดียวแบบ 30-40 จุด เพียงแต่อาจจะค่อย ๆ ซึมลง

และดัชนีไม่น่าจะหลุด 1,650–1,655 จุด

คำแนะนำคือ หากหุ้นในพอร์ตเป็นบวกอยู่ ก็ให้ทยอยแบ่งขายทำกำไรออกมาก่อน

หรือไม่ก็ต้องสลับตัว สลับกลุ่มเล่น

ในมุมมองของผู้จัดการกองทุน ต่างก็มองภาวะหุ้นไทยแบบนี้เช่นกัน

และก็ยังมีคำเตือนถึงภาวะหุ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ว่า จะปรับลงอีกครั้ง หลังจาก บจ.ต่าง ๆ ประกาศงบไตรมาส 1/2562

และยังเป็นช่วงที่ บจ.ต่าง ๆ ขึ้น XD กันหมดแล้ว เพื่อจ่ายเงินปันผล

แต่บางคนอาจมองโลกสวยสักหน่อย

จากที่นักลงทุนทั้งประเภทสถาบัน และรายย่อย พอรับเงินปันผลไปแล้วเสร็จ ก็จะมีการนำเงินส่วนหนึ่งเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นต่อ ทำให้หุ้นอาจวิ่งย้อนกลับขึ้นมาได้

ปี 2560 “บจ.” มีการจ่ายเงินปันผลกว่า 4.80 แสนล้านบาท

ส่วนปี 2561 ยังไม่เห็นตลาดฯ สรุปตัวเลขออกมา แต่คาดหมายกันว่า ตัวเลขจ่ายเงินปันผลไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก

โดยสรุป หากเห็นหุ้นร่วงในช่วงนี้ก็อย่าตื่นตกใจ

เพราะในระยะปานกลางถึงยาว หรือตลอดปี 2562 นี้ ตลาดหุ้นไทยยังถูกมองว่า ไปต่อได้อีกไกล

นักวิเคราะห์บางคนมองไปถึงว่า มีลุ้นทำดัชนีนิวไฮอีกรอบ

ยิ่งราคาน้ำมันดิบกำลังวิ่งขึ้น หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์กำลังเริ่มกลับมา จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนตลาดได้

ย้อนกลับมาที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์กันบ้าง

เมื่อวานนี้แบงก์กรุงไทย หรือ KTB แจ้งงบไตรมาส 1/2562 ออกมา

กำไรกว่า  7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%

ตัวเลขที่ว่านี้ ถือว่ามากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้เสียอีก

ส่วนหนึ่งมาจากการบันทึกรายได้จากการขายที่ดินของกฤษฎามหานคร หรือ AQ นั่นแหละ ที่กรุงไทยได้รับเงินมาแล้วส่วนหนึ่งหรือกว่า 3.80 พันล้านบาท

ส่วนกำไรของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 5.59 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6-7%

กำไรทั้งกลุ่มที่เพิ่มขึ้นหากเจาะลึกลงไปจริง ๆ ส่วนใหญ่มาจากบันทึกพิเศษกันทั้งนั้น

โดยเฉพาะ กรุงศรีฯ หรือ BAY ที่บันทึกกำไรจากการขายหุ้น 50% ใน “เงินติดล้อ” (ประมาณ 6 พันล้านบาท)

หากตัดกำไรพิเศษของ BAY ออกไป จะทำให้ตัวเลขภาพรวมออกมาติดลบ และต่ำกว่าที่โบรกฯ คาด แต่เห็นว่า ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดนี้ยังไม่ถือว่ามีนัยสำคัญเชิงลบอะไร เพราะตัวเลขที่ว่านี้มีอัตรา +/- ไม่เกิน 5%

ไตรมาส 2 นี้ บางโบรกฯ มองว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์ยังทรงตัว

แต่บางโบรกฯ ก็มองว่า จะฟื้นตัวจากไตรมาส 1 ได้

Back to top button