ดักเก็บ CPF ลุ้นกำไรไตรมาส 1 โตเด่น รับอานิสงส์ราคาเนื้อสัตว์พุ่ง-ต้นทุนวัตถุดิบลด

ดักเก็บ CPF ลุ้นกำไรไตรมาส 1 โตเด่น รับอานิสงส์ราคาเนื้อสัตว์พุ่ง-ต้นทุนวัตถุดิบลด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ หลังมีนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF พร้อมคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 1/62 จะเติบโตมาที่ระดับ 3.0-3.5 พันล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตจากไตรมาสก่อนจากราคาเนื้อสัตว์ คือ หมูและไก่ ดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

ด้านน.ส.สุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/62 ค่อนข้างดี  โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 3,548 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16% และเติบโตจากไตรมาสก่อน 111% จากราคาเนื้อสัตว์ฟื้นตัว ทั้งหมูในเวียดนาม และไทย รวมทั้ง ไก่ในไทยด้วย

โดยในไตรมาส 1/62 ราคาหมูเวียดนามเฉลี่ยอยู่ที่ 4.6 หมื่นดอง/กก. (-6.3%จากไตรมาสก่อน, +49.4% จากปีก่อน), ราคาหมูในไทยเท่ากับ 73.33 บาท/กก. (+12.8% จากไตรมาสก่อน, +57.1% จากปีก่อน) และราคาไก่ในไทยเท่ากับ 34 บาท/กก. (+3% จากไตรมาสก่อน, +6.3% จากปีก่อน) ภาพรวมธุรกิจดูดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ในระดับต่ำ จะส่งผลบวกต่อรายได้คาดไตรมาสนี้โต 6% และคาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.8% เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในไตรมาส 1/61 และ 12.6% ในไตรมาส 4/61

อย่างไรก็ตาม มีความกังวลสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : AFS) ที่ระบาดในเวียดนาม และเริ่มเข้าไปที่กัมพูชา ทำให้ราคาหมูเวียดนามปรับตัวลงมาประมาณ 20% มาที่ 3.9-4.0 หมื่นดอง/กก. และล่าสุดเม.ย.ราคาหมูปรับตัวขึ้นมาที่ 4.2 หมื่นด่อง/กก. ทำให้สเปรดหมูแคบลง จากต้นทุนการเลี้ยง 3.4 หมื่นดอง/กก. อาจใช้เวลา 6 เดือน คาดว่าสถานการณ์หมูเวียดนามจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 3  ซึ่งสัดส่วนรายได้จากเวียดนามเท่ากับ 14% ของรายได้รวม ส่วนในกัมพูชา ราคาหมูยังไม่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ โรค AFS ไม่มีวิธีรักษา ไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่โรคนี้ไม่ระบาดไปสู่คน และหากโรค AFS ลามเข้าไทย คาดว่าจะส่งผลให้หุ้น CPF ปรับตัวลง แต่มองเป็นจังหวะเข้าซื้อ เพราะเป็นปัจจัยลบช่วงสั้น และฟาร์มของ CPF เป็นฟาร์มปิด ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ และราคาปรับตัวจะดีขึ้นจากซัพพลายที่หายไป

ดังนั้น แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/62 และไตรมาส 3/62 ไม่แน่นอน รวมทั้งมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ราว 1.8 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/62 ทำให้กำไรลดลง จึงแนะนำให้ “ถือ”ราคาเป้าหมาย 30 บาท จากคาดการณ์กำไรปกติทั้งปี 62 อยู่ที่ 9 พันล้านบาท เติบโต 15.8% จากปีก่อน

นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาเนื้อสัตว์ในไทยในไตรมาส 1/62 ดีขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลง ส่วนในเวียดนาม ระยะสั้นรับผลกระทบการระบาดโรค ASF ทำให้ราคาหมูอ่อนตัวลง โดยภาพรวมน่าจะดีขึ้นหลังจากมีการแก้ไขปัญหาแล้ว

ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 1/62 คาดไว้ที่ 3,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน และเติบโต 84% จากไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรปกติคาดไว้ที่ 1,136 ล้านบาท เติบโต 238% YoY เพิ่มขึ้น 611% QoQ ส่วนทั้งปี 62 คาดการณ์กำไรปกติอยู่ที่ 9,653 ล้านบาท

Back to top button