เก็บ 5 หุ้นพลังงานตัวท็อป! รับราคาน้ำมันดิบพุ่ง-ลุ้นโชว์กำไร Q1/61 โตเด่น

เก็บ 5 หุ้นพลังงานตัวท็อป! รับราคาน้ำมันดิบพุ่ง-ลุ้นโชว์กำไร Q1/61 โตเด่น


เข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบการเงินไตรมาส 1/62 โดยกลุ่มแบงก์ได้นำร่องประกาศเสร็จสิ้นจากนี้ไปกลุ่ม Real sector คาดว่าจะทยอยตามมา ดังนั้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศดังกล่าว ทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคที่คาดว่าจะทำผลงานไตรมาส 1/62 ออกมาได้โดดเด่นมาเป็นทางเลือกในการเข้าลงทุนอีกทาง

เนื่องจากช่วงนี้ราคาน้ำมันดิบโลกดูไบยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและยืนเหนือ  70 เหรียญฯทำจุดสูงสุดของปีนี้ ผลจาก Supply ที่คาดว่าจะหายไปในส่วนของอิหร่าน (กำลังการผลิตน้ำมันราว 2.65 ล้านบาร์เรล/วัน หรือราว 8.7% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในกลุ่ม OPEC)

โดยวานนี้ (22 เม.ย.62) สหรัฐประกาศเพิ่มความเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตร คือ ห้ามทุกประเทศทั่วโลกทำการค้าขายกับอิหร่าน คาดว่าจะมีผล 2 พ.ค. 2562   จากเดิมมีการยกเว้นให้ 8 ประเทศ คือ จีน, อินเดีย, กรีซ, อิตาลี, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ตุรกี และเกาหลีใต้ สามารถซื้อขายน้ำมันกับอิหร่านนับตั้งแต่ 5 พ.ย.2561- เม.ย.2562

ซึ่งประเด็นดังกล่าวบรรดาโบรกฯเกอร์ชั้นนำของไทย อาทิ บล.เอเซีย พลัส,บล.ไอร่า,บล.กรุงศรี มองว่ากลุ่มพลังงานจะได้รับผลดี โดยเฉพาะ PTT,PTTEP ,TOP, PTTGC, SPRC คาดงบไตรมาส1/62 เติบโตจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มโรงกลั่นค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นรวมถึง Stock gain  ซึ่งระบุไว้ดังนี้

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุกลยุทธ์การลงทุนว่า  ราคาน้ำมันดิบโลกดูไบยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและยืนเหนือ  70 เหรียญฯทำจุดสูงสุดของปีนี้ผลจาก Supply ที่คาดว่าจะหายไปในส่วนของอิหร่าน (กำลังการผลิตน้ำมันราว 2.65 ล้านบาร์เรล/วัน หรือราว 8.7% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในกลุ่ม OPEC)

ซึ่งวานนี้สหรัฐประกาศเพิ่มความเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตร คือ ห้ามทุกประเทศทั่วโลกทำการค้าขายกับอิหร่าน คาดว่าจะมีผล 2 พ.ค. 2562 จากเดิมมีการยกเว้นให้ 8 ประเทศ คือ จีน, อินเดีย, กรีซ, อิตาลี, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ตุรกี และเกาหลีใต้ สามารถซื้อขายน้ำมันกับอิหร่านนับตั้งแต่ 5 พ.ย.2561- เม.ย.2562   และความคาดหวังกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน (Opec+Non-Opec) จะยืดระยะเวลาในควบคุมการผลิตน้ำมัน จากเดิมที่กำหนดไว้กลางปี 2562 เป็นสิ้นปี 2562   (ตามข้อตกลง OPEC และ Non OPEC  ทำสัญญาล่าสุด ธ.ค. 2561 จะตัดลดการผลิตถึงกลางปี 2562 ที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน)    สอดรับกับความต้องการใช้น้ำมันโลกที่ลดลงจากผลกระทบของสงครามการค้า และช่วงสั้นความผ่อนคลายหลังจากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจหลักๆคือ สหรัฐ และจีน มีสัญญาณฟื้นตัว

โดยรวมเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันดูไบ ล่าสุดราว  71.6 เหรียญฯต่อบาร์เรล  (เฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 63 เหรียญฯ) สูงกว่าสมมติฐาน ASPS ที่กำหนดไว้ 65 เหรียญ ในปี 2562 และ 70 เหรียญฯนับจากปี 2563 เป็นต้นไป)

ขณะที่หุ้นน้ำมันยังอยู่ในภาวะ Laggard เฉพาะอย่างยิ่ง PTTEP(FV@B178) และ PTT(FV@B56)  รวมถึงหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรฯ (PTTGC, TOP, IRPC)

นอกจากนี้หากวิเคราะห์แรงซื้อหุ้นไทยผ่านกระดาน NVDR ในวานนี้(22เม.ย.62) พบว่า ส่วนใหญ่เป็นการซื้อสุทธิหุ้นน้ำมัน โดยเฉพาะ PTTGC ถูกซื้อสุทธิสูงสุดในตลาดฯ 223 ล้านบาท อีกทั้งสัดส่วนการ Short Sale ที่ลดลงเหลือเพียง 6% จากยอด Short Sale สุทธิในปี 62 มูลค่า 11.3% ของมูลค่าซื้อขาย ส่วนแรงซื้อผ่าน NVDR อันดับ 2 คือ PTTEP 209 ล้านบาท ตามมาด้วย ADVANC, BANPU และ KBANK ตามลำดับ ซึ่งหุ้นน้ำมันทั้ง PTTGC และ PTTEP ฝ่ายวิจัยฯแนะนำลงทุนมาตลอด และยังคงชื่นชอบ

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นกลุ่มพลังงานปรับเพิ่มขึ้น ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมประกาศยกเลิกคำสั่งผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน

ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$1.70 อยู่ที่ US$65.70 ต่อบาร์เรล หลังรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมประกาศยกเลิกคำสั่งผ่อนผันให้ 8 ประเทศ (จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี อิตาลี และกรีซ) นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน พร้อมกับเตือนว่า หากประเทศเหล่านี้ยังคงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร โดยมีผลในวันที่ 2/5/62 นี้

อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมัน ทั้งจาก (1) การลดลงของสต็อกน้ำมันสหรัฐฯ (2) การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม โอเปก และ (3) สหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา

ภายใต้ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสูงสุดนับจากเดือนพ.ย.’61 คาดยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP ขณะที่กลุ่มโรงกลั่นคาดว่าจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน เช่น TOP, SPRC, ESSO

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัว 1,670 – 1,680 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นทำ High ในรอบ 6 เดือนเหนือ 65 US/Barrel หลังสหรัฐฯเตรียมยกเลิกผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านในวันที่ 2 พ.ค. รวมถึงประเด็นข่าวการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ประกอบกับแรงซื้อดักผลประกอบการไตรมาส1/62  ที่กำลังทยอยประกาศ (ถัดไปเป็นกลุ่ม ICT และ Energ)

โดยกลุ่มพลังงาน (PTTEP ,TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบไตรมาส1/62 เติบโตจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มโรงกลั่นค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นรวมถึง Stock gain โดยPTTEP (ซื้อ/เป้า 150) ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือน ด้านผลประกอบการ ไตรมาส1/62 คาดมีกำไร 10,689 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 21%เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 20%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านกลุ่มธุรกิจน้ำมัน – น้ำมันดิบ WTI พุ่งทำสถิติสูงสุดในรับ 6 เดือน รับข่าวสหรัฐสั่งยกเลิกผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน : เดิมเมื่อเดือน พ.ย.61 สหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านด้วยการจำกัดการส่งออกน้ำมันดิบ เพื่อกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ โดยผ่อนผันให้ 8 ประเทศสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านได้เป็นเวลา 6 เดือน แต่วานนี้(22เม.ย.62) สหรัฐประกาศยกเลิกการผ่อนผันดังกล่าวและเตือนว่าหากประเทศใดยังนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านอีกจะถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐด้วย โดยมาตรการนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.62 เป็นต้นไป (8 ประเทศที่ได้รับการยกเว้น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี อิตาลี และกรีซ)

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทงวิเคราะห์ว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยกลุ่มพลังงานคาดว่ายังแกร่งกว่าตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรงหลังสหรัฐฯยกเลิกการผ่อนผันนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน และคาดว่าเป็นกลุ่มที่กำไร ไตรมาส 1/62 จะออกมาเด่น กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่คาดงบไตรมาส 1/62 แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button