MSCI ช่วยพยุง

เมื่อคืนนี้ หากเป็นไปตามคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

เมื่อคืนนี้ หากเป็นไปตามคาดการณ์ของบรรดานักวิเคราะห์

MSCI จะประกาศผลการทบทวนดัชนี และตลาดหุ้นไทยเป็น 1 ใน 4 ตลาด Emerging Market ที่จะถูกปรับน้ำหนักขึ้น

พร้อมกับคาดว่าจะทำให้หุ้นไทย Outperform กว่าหุ้นภูมิภาค

ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นไทยถูกคาดหมายว่า  MSCI จะปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นไทยจาก 2.3% ขึ้นเป็น 2.8%

จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ว่านี้ ถือว่าเป็นจำนวนการเพิ่มน้ำหนักมากสุดที่ตลาดหุ้นไทยได้รับจาก MSCI

ผลของการปรับเพิ่มน้ำหนัก

จะทำให้มีเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ หรือ ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยกว่า 7.62 หมื่นล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะยังมีหุ้นในตลาดหุ้นไทยที่จะได้รับการเข้าคำนวณทั้งหมด 4 หลักทรัพย์ นั่นคือ INTUCH, RATCH, CENTEL และ DTAC

ทั้งหมดนี้จะมีผลในวันที่ 28 พฤษภาคม 2562

เมื่อวานนี้หุ้น INTUCH บวก 0.25 บาท ปิดที่ 59.00 บาท ราคาวนเวียนบริเวณนี้อยู่หลายรอบแล้ว

RATCH ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วน CENTEL และ DTAC ปิดตลาดราคาปรับลง

นับจากตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่กลับมารุนแรงอีกครั้งเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว

จากที่ทั้งสหรัฐฯ และจีน ยังหาข้อสรุปไม่ได้

ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงมาแล้วราว ๆ 40 จุด

เท่าที่พุดคุยกับนักวิเคราะห์หลายคน

ส่วนใหญ่มองว่าประเด็น MSCI จะช่วยพยุงดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ หรืออย่างน้อยจะไม่ร่วงลงไปแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

แนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,630 จุด

หรือหากหลุดแนวรับดังกล่าวก็จะไม่ลงไปต่ำกว่า 1,600 จุด

บล.โนมูระ พัฒนสิน หรือ CNS เขาทำ Scenario Analysis หรือการวิเคราะห์พยากรณ์แนวโน้มเกี่ยวกับสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีนไว้

เริ่มจาก 1. โอกาส 45% ที่ 2 ประเทศจะยังไม่บรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ แต่เลื่อนการเจรจากันออกไปชั่วคราว

หากเป็นกรณีนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยตอบรับกลางถึงบวก

และคาดดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,670-1,683 จุด

2.ให้โอกาส 40% ที่ทั้งสองประเทศจะดำเนินการเจรจากันต่อ โดยยังไม่ปรับขึ้นภาษี

วิธีนี้ คาดดัชนีจะตอบรับเชิงบวก ฟื้นตัวต่อเนื่อง 1,683-1,690 จุด

3.โอกาส 10% ให้น้ำหนักที่สหรัฐฯ-จีน บรรลุข้อตกลงการค้ากันได้สำเร็จ

กรณีนี้ จะทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงโลกฟื้นตัว ดัชนีจะตอบรับบวกสู่ 1,700-1,720 จุด

และ 4. ให้โอกาสเพียง 5% ที่ทั้งสองประเทศไม่สามารถตกลงกันได้ และกรณีนี้ ดัชนีและสินทรัพย์เสี่ยงโลกจะตอบรับเชิงลบรุนแรง Global Risk Off คาดดัชนีจะลงสู่กรอบ 1,620-1,600 จุด

นอกจากประเด็น MSCI

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลายแห่ง ประกาศงบไตรมาส 1/2562 ออกมาแล้ว

ส่วนใหญ่ยังมีกำไรเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และบางหุ้นมีกำไรมากกว่าคาดด้วย

จึงยังไม่เห็นโบรกฯ แห่งไหนปรับประมาณการกำไรของ บจ.ปีนี้ลง

บล.เอเซีย พลัส คาดว่ากำไร บจ.ว่า งวดไตรมาส 1/2562 จะออกมาอยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท ฟื้นตัวจากไตรมาส 4/2561

ทว่าจะปรับลดลงจากไตรมาส 1/2561 (กำไร 2.86 แสนล้านบาท) เพราะไตรมาสแรกของปีที่แล้ว มีฐานกำไรค่อนข้างสูงจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีรายการ (กำไร) พิเศษ

ต้องมาลุ้นกันว่า ประเด็นบวกเหล่านี้

โดยเฉพาะ MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย จะช่วยพยุงดัชนีได้แค่ไหน

ขณะที่เมื่อช่วงค่ำวานนี้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์เปิดลบ 327 จุด หรือ 1.26% สู่ระดับ 25,637 จุด

หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความ ระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ควรถูกตำหนิ

และยังเตือนจีนไม่ให้ทำการตอบโต้สหรัฐฯ

นั่นเพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

Back to top button