เด้งแล้วลง?

*ช่วงนี้เดี๊ยนเดินไปตามซอกตึกต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของบรรดาแมงเม้าท์ มักได้ยินแต่บทสนทนาเกี่ยวกับหุ้นขึ้นแล้วลงถี่มากเหลือเกินนั้น “โมนิก้า” เข้าใจว่า มันเป็นผลมาจากบรรยากาศการเมืองระหว่างประเทศที่ยังมองไม่เห็นจุดที่มาบรรจบกัน ส่งผลให้แต่ละวันมีความวุ่นวายใหม่ ๆ เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด จนไม่มีใครกล้าเก็บหุ้นติดพอร์ตไว้เป็นจำนวนมากไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ช่วงนี้เดี๊ยนเดินไปตามซอกตึกต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของบรรดาแมงเม้าท์ มักได้ยินแต่บทสนทนาเกี่ยวกับหุ้นขึ้นแล้วลงถี่มากเหลือเกินนั้น “โมนิก้า” เข้าใจว่า มันเป็นผลมาจากบรรยากาศการเมืองระหว่างประเทศที่ยังมองไม่เห็นจุดที่มาบรรจบกัน ส่งผลให้แต่ละวันมีความวุ่นวายใหม่ ๆ เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด จนไม่มีใครกล้าเก็บหุ้นติดพอร์ตไว้เป็นจำนวนมากไงล่ะคะ

*ด้วยเหตุนี้อย่าได้แปลกใจที่เห็นดัชนีพุ่งแรงตอนเปิดตลาด ต่อจากนั้นดำดิ่งลงสู่แดนลบในเวลาถัดมา ก่อนจะยื้อกันไปยื้อกันมาสักพัก จนสุดท้ายปิดไปที่ระดับ 1,608.11 จุด ลบไป 6.64 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.70 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องของการขาดความมั่นใจในการลงทุนมากกว่าประเด็นอื่น ถึงไม่มีใครเข้ามาช่วยดันดัชนีให้วิ่งกลับขึ้นไปแบบสวย ๆ ดัชนีถึงแกว่งตัวออกด้านข้างในลักษณะหัวทิ่มลงอย่างช้า ๆ นะจะบอกให้

*ผนวกกับช่วงนี้เริ่มมีการมองระดับเหมาะสมของหุ้นแต่ละตัวมากขึ้นกว่าเดิม จึงกลายเป็นแรงกดดันให้หุ้นหลายตัวที่วิ่งนำข่าวจริงถูกเทขายอย่างหนัก ทั้งที่เห็นกันอยู่ทนโท่ว่า ราคาที่เห็นบนกระดานของหุ้นบางตัวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจอารมณ์ “เคาะขวา เคาะซ้าย” ที่เกิดขึ้นถี่ในหมู่นี้ มันมีคำอธิบายมาซัพพอร์ตอย่างชัดเจนพะยะค่ะ

*เหมือนการตีตื้นขึ้นมาของ CPALL ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 76.75 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.19 พันล้านบาท “โมนิก้า” กลับมองเป็นการรีบาวด์มากกว่าการกลับทิศอย่างบูรณาการ เพราะเมื่อดูจากท่าทีของบรรดากองทุนตัวจี๊ดกับฝรั่งตาน้ำข้าวที่ยังขายไม่เลิก ไม่มีทางที่หุ้นจะขยับขึ้นไปได้ไกลเกินกว่าระดับ 78 บาท แถมในช่วงระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา หุ้นก็ป้วนเปี้ยนอยู่แค่แถวนี้เจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BANPU มักมีอาการเด้งขึ้นในระหว่างขาลงเป็นประจำ พร้อมกับมีความพยายามบอกให้ทุกคนรู้ว่า I will be back (ถ่านหินกำลังจะกลับมา) “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่มโนมากเกินไปสำหรับกูรู สายเขียว..อุ๊ย..สายเทา เพราะของมันเห็นกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป ! หุ้นถึงร่วงลงต่อเนื่อง 6 วันติด ก่อนจะมาปิดที่ 14.20 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 710 ล้านบาทแบบนี้ เดี๋ยวมีโลว์ใหม่อีกแน่ ๆ ค่ะ

*คล้ายกับกรณีของ KCE ราคาหุ้นไหลรูดลงมาเหมือนกับคนท้องเสีย แถมทำอย่างไรก็ไม่หยุดลงสักที หุ้นถึงลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี 5 เดือน ด้วยการปิดที่ระดับ 17.20 บาท ลบไป 1.60 บาท หรือลงไป 8.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 505 ล้านบาทแบบน่ากังวลเหลือเกิน ขนาดวันนี้หุ้นเทรดบนค่า P/E 12 เท่า แรงเทขายกลับไม่มีวี่แววที่จะเบาบางลงสักที มันเป็นภาพที่ทำให้คนเล่นต้องคิดหนักกว่าเดิมนะเนี่ย !

*ไหน ๆ ต้องคิดหนักกันทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นนายหน้าขายประกัน TQM เพื่อให้มิตรสหายกลับไปคิดเป็นการบ้าน หลังกูรูบางรายออกมาเม้าท์ถึงโอกาสในการเติบโตน่าจะอยู่ในทิศทางที่ยากขึ้น จึงเริ่มมีแรงเทขายหนัก ๆ  ออกมาในบางวัน ก่อนจะมีการดันหุ้นกลับขึ้นไปใหม่นั้น ว่ากันว่า มันเป็นเกมยั่วน้ำลายแมงเม่าให้กระโจนใส่ หุ้นถึงขึ้นมาปิดที่ 34.75 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81 ล้านบาทแบบงง ๆ นะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องมองย้อนกลับมาดูหุ้น GPSC เพื่อชี้ให้เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับโปรเจกต์ที่มีคนออกหน้ากันพรึบพรับว่า ดีนัก..ดีหนา แต่ทำไมราคาหุ้นถึงปักหัวลงลูกเดียว ไม่มีแรงต้านทานออกมาให้เห็นกันเลยแบบนี้ เดี๊ยนถึงอยากถามหัวเรือใหญ่อย่าง “เฮียชวลิต” ว่า ราคาปิดที่ระดับ 57.20 บาท ลบไป 0.50  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 144 ล้านบาท มันไม่ใช่ราคาต่ำสุดของการเล่นเที่ยวนี้ใช่ไหม ? ช่วยบอกหนูทีเถอะคะ

*อีกหนึ่งเรื่องที่ค้างคาใจแมงเม่ามากเหลือเกิน คงเป็นการเคลื่อนไหวของหุ้น JKN ซึ่งคนในวงการตลาดหุ้นมองด้านลบกับหุ้นตัวนี้เยอะเหลือเกิน (สงสัยเจ๊ไปเพาะฟาร์มศัตรูไว้เยอะ) บรรดาขาเผือกถึงมองการขึ้นมาปิดที่ 7.75 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18 ล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการวิ่งขึ้นไปหายอดเก่าแถวบริเวณ 8.50 บาทแล้วเลิกอีกตามเคย..เขาว่าไว้อย่างนี้เจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่เอาแต่มุดหัวลงลูกเดียวอย่างหุ้น TMB กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้นักเล่นอึ้งกิมกี่กันเป็นแถว เพราะไม่นึกไม่ฝันว่า หุ้นที่มีดีลควบรวมกันในราคา 2.20 บาท (ราคาเฉลี่ยก่อนหน้านี้) ดันกลายสภาพเป็นหุ้นที่ทรุดโทรมหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังหุ้นลงมายืนปิดที่ 1.92 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 260 ล้านบาท มันทำให้คนทั่วไปตีความกันไปเองว่า ดีลนี้ไม่ปัง..อนาคตไม่แจ่ม เลยไม่มีใครอยากเก็บหุ้นไว้นะตัวเอง

Back to top button