จีดีพีหด.! ลางร้ายหุ้นค้าปลีก.?

สำนักข่าวรัชดา

ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/62 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศว่า เติบโตแค่ 2.8% ลดลงจากไตรมาสก่อน 3.6% ส่อเค้าลางร้ายว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้คงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คาดการณ์ซะแล้ว !!

แถมสภาพัฒน์ยังได้หั่นเป้าจีดีพีปีนี้ลดเหลือแค่ 3.3-3.8% มีค่ากลางอยู่ที่ 3.6% (จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.5-4.5% มีค่ากลางอยู่ที่ 4%)

สอดคล้องกับทุกสำนักที่ทยอยออกมาลดเป้าจีดีพีปีนี้ลง โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดว่าจีดีพีจะโตแค่ 3.0% จากเดิมมอง 3.5% ส่วนอีไอซี ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินจีดีพีจะโตที่ 3.3% จากเดิมมองที่  3.6%

ไม่ว่าสาเหตุหลักจะมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง หรือประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ฯ ที่ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อ

แต่นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การบริโภคภายในประเทศเริ่มหดตัว !!

แหม๊ !! ตัวเลขจีดีพีที่ออกมาช่างสวนทางกับที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้พยายามโปรยยาหอมว่า เศรษฐกิจไทยดีซะจริง

ถึงวันนี้ไม่รู้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้นจะตื่นจากความฝันและยอมรับความจริงหรือยังว่า เศรษฐกิจปีนี้แย่กว่าที่คิดไว้…

เมื่อเศรษฐกิจแย่…กำลังซื้อในประเทศหดตัว กลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ คงหนี้ไม่พ้นกลุ่มค้าปลีกและบริโภคที่ยอดขายก็จะหดตัวตามไปด้วย

กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในข่ายที่ว่านี้ มีตั้งแต่บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL

แม้บางบริษัทยังทำผลงานไตรมาส 1/62 ได้ดีอยู่ เช่น BJC กำไรสุทธิ 1,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,445 ล้านบาท ส่วน CPALL มีกำไรสุทธิ 5,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,416 ล้านบาท และ HMPRO มีกำไรสุทธิ 1,419.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,248.47 ล้านบาท

แต่…ก็มีความเสี่ยงว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ ผลงานอาจไม่เข้าเป้า…ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของผู้ถือหุ้นก็เป็นได้

ขณะที่บางบริษัทก็เริ่มสตาร์ทไตรมาสแรกไม่ดีซะแล้ว เช่น ROBIN มีกำไรสุทธิ 760 ล้านบาท ลดลง 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 762 ล้านบาท CENTEL มีกำไรสุทธิ 825 ล้านบาท ลดลง 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 883 ล้านบาท

MAKRO มีกำไรสุทธิ 1,519  ล้านบาท ลดลง  6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,627 ล้านบาท ส่วน GLOBAL มีกำไรสุทธิ 545.91 ล้านบาท ลดลง 3.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 564.33 ล้านบาท

นั่นเท่ากับว่าไตรมาส 1/62 แย่แล้ว…ไตรมาสต่อไปอาจแย่ลงได้อีก

ดูแนวโน้มแล้วบอกเลยว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีกและบริการน่าห่วงจริง ๆ

ดังนั้นใครที่มีหุ้นค้าปลีกติดอยู่ในพอร์ต อาจต้องทำใจไว้บ้างนะ

เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน…

…อิ อิ อิ…