หุ้นต่ำ 10 บาท!

ด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ยังอยู่ในช่วงผันผวนทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จึงทำการสำรวจหุ้นที่ราคาหุ้นต่ำ 10 บาท มาให้นักลงทุนไว้พิจารณาในการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย


เส้นทางนักลงทุน

ช่วง 1 – 2  สัปดาห์สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยคงแกว่งตัวผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ  1,610-1,600  จุด ขณะที่แนวต้าน  1,640-1,650  จุด เนื่องจากมีเรื่องต้องจับตา ประเด็นสำคัญ คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความยืดเยื้ออย่างต่อเนื่องมายาวนานนับเป็นเรื่องกดดันตลาด ฯ  เข้ามาเป็นระยะ ๆ ประกอบกับไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน

ทำให้มีแรงซื้อสลับขายในหุ้นรายตัว…โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นตัวสำคัญทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวยังไร้ทิศทาง เนื่องจากต่างยังรอดูสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ  และจีน แม้ว่าขณะนี้ทิศทางจะยังไม่ชัดเจน โดยไม่มีการเจรจาในเร็ว  ๆ  นี้ ซึ่งตอนนี้ก็ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่วนในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ งวดไตรมาส 1/62 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งที่  2

ทั้งนี้ตลาดหุ้นยังมีประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าสถานการณ์ตลาดยังคงผันผวนต่อไปจนกว่าจะมีประเด็นใหม่เข้ามาสนับสนุนชัดเจน!!!  

ดังนั้นด้วยภาวะตลาดหุ้นที่ยังอยู่ในช่วงผันผวน ทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จึงทำการสำรวจหุ้นที่ราคาหุ้นต่ำ  10 บาท มาให้นักลงทุนไว้พิจารณาในการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่มีต้นทุนเงินลงทุนไม่เยอะ และหากลงทุนในหุ้นที่ซื้อขายในราคาหุ้นสูงอาจจะไม่สามารถทำได้คล่องตัวมากนัก…ทั้งนี้จึงต้องใช้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ซื้อขายในราคาต่ำ เพราะใช้เงินไม่มากนัก

โดยผลจากการสำรวจ หรือร่อนตะแกรง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พบว่าหุ้นที่มีราคาต่ำ 10 บาท ได้แก่ PF, AMANAH, TMB, FTE, NER, SC, QH, ANAN, ASEFA, ILINK, JAS, DRT, LPN, ASIAN, ORI, SCP, SEAFCO, S11, AP และ SYNEX เป็นต้น

นอกจากราคาหุ้นจะต่ำ  10 บาท แล้วสิ่งที่น่าสนใจ คือ เมื่อไปดูค่า P/E และค่า P/BV ของแต่ละตัวถือว่าราคาถูกมาก ประกอบกับ  Dividend Yield  ถือว่าสูง และที่สำคัญราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายจากนักวิเคราะห์ (อัพไซด์ยังสูงนั่นเอง) หรือมีแก๊ปให้นักลงทุนเข้าไปไล่ราคาอีกเยอะ  นอกเหนือไปกว่านั้นแนวโน้มผลการดำเนินงานยังเติบโตแข็งแกร่ง

ตัวอย่างเช่น บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ PE ราคาหุ้นเมื่อวันที่  28 พ.ค.2562  ปิดที่ 0.77 บาท ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่  6.75 เท่า ส่วนค่า P/BV อยู่ที่  0.51 เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ที่  8.35%  ประกอบกับทางนักวิเคราะห์ แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย  1.07  บาท จากเทียบกับราคาปิดพบว่าราคาหุ้นยังมีอัพไซด์  38.96%

สิ่งสำคัญมีการปรับคาดการณ์กำไรปี 2562  ดีขึ้นในอัตรา 112% และปี 2563 ดีขึ้นในอัตรา  99% แต่กำไรไตรมาส  1/2562  ถือเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดแล้ว

บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE ราคาหุ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2562 ปิดที่  2.14 บาท ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่  8.96 เท่า ส่วนค่า P/BV อยู่ที่ 1.86 เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ที่  9.35%  ประกอบกับทางนักวิเคราะห์ แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย  3.20 บาท จากเทียบกับราคาปิดพบว่าราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ 49.53%

สิ่งสำคัญ จากระยะเวลารับรู้รายได้จากงานที่ราว  6 เดือน ทำให้คาดแนวโน้มในไตรมาส  2 และครึ่งหลังของปี 2562  ยังไปได้ดี โดยทั้งปี 2562 ประเมินกำไรสุทธิที่  140 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น  7.8%  จากงวดเดียวกันของปีก่อน

 บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ราคาหุ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2562 ปิดที่  2.28 บาท ขณะที่ค่า P/E อยู่ที่ 7.50 เท่า ส่วนค่า P/BV อยู่ที่ 1.27 เท่า และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ที่  5.70%  ประกอบกับทางนักวิเคราะห์ แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย  3.38 บาท จากเทียบกับราคาปิดพบว่าราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ 48.25%

สิ่งสำคัญ แม้แนวโน้มปริมาณขายในไตรมาส 2  อาจอ่อนลงตามปัจจัยฤดูกาล แต่ทางฝ่ายยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตของ NER จากการขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่มีต่อเนื่อง

Back to top button