พาราสาวะถี

เรียบร้อยโรงเรียนเผด็จการและสมใจอยากของเนติบริกรทั้งหลายแหล่ สมกับที่วางแผนยึดอำนาจกันล่วงหน้า 6 เดือน รอบนี้ไม่เสียของสูญเปล่า เป็นอันว่าหลังจากมีการเลือกตั้งตามกติกาคสช. ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีหน้าเดิม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากเสียงโหวตของที่ประชุมรัฐสภา ด้วยเสียงสนับสนุน 500 คะแนน เป็นนายกฯ 500 ไปโดยปริยาย ไม่ต้องไปถามถึงความชอบธรรมหรืออะไรกันอีกต่อไป


อรชุน

เรียบร้อยโรงเรียนเผด็จการและสมใจอยากของเนติบริกรทั้งหลายแหล่ สมกับที่วางแผนยึดอำนาจกันล่วงหน้า 6 เดือน รอบนี้ไม่เสียของสูญเปล่า เป็นอันว่าหลังจากมีการเลือกตั้งตามกติกาคสช. ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีหน้าเดิม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากเสียงโหวตของที่ประชุมรัฐสภา ด้วยเสียงสนับสนุน 500 คะแนน เป็นนายกฯ 500 ไปโดยปริยาย ไม่ต้องไปถามถึงความชอบธรรมหรืออะไรกันอีกต่อไป

ในเมื่อเนติบริกรทั้งหลายต่างยืนยันกฎหมายที่เขียนมากับมือ โดยเฉพาะผ่านการทำประชามติอันหมายความว่าประชาชนเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบ ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ที่ยืนยันต่อสู้ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไร้งูเห่า ไม่มีใครตระบัดสัตย์ ทรยศประชาชน ส่วนผู้นำที่จากนี้ไปจะไร้มาตรา 44 ก็ต้องพร้อมที่จะรับกระบวนการตรวจสอบ แน่นอนว่า ต้องช่วยกันยกระดับการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล

ประเด็นค้างคาใจเรื่องสืบทอดอำนาจ อย่าว่าแต่คนในประเทศสื่อต่างชาติทุกสำนักรายงานแทบจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่รู้สึกแปลกใจหรือเซอร์ไพรส์กับผลการลงมติที่ออกมา เนื่องระบบการเลือกตั้งและการเลือกนายกรัฐมนตรี ได้รับการออกแบบมาให้เอื้อประโยชน์ต่อพลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส.ว.จำนวน 250 เสียงที่พลเอกประยุทธ์แต่งตั้งขึ้นมากับมือ อย่างที่เนติบริกรว่าไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะเดินตามกฎหมายที่ประชาชนผ่านประชามติมา อธิบายกันได้หน้าทนอย่างนี้แล้วจะมีอะไรไปเถียง

แต่อย่าได้กระหยิ่มยิ้มย่องต่อการสืบทอดอำนาจที่ประสบความสำเร็จ เพราะหนทางหลังจากนี้จะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญ ท่ามกลางดงของเสือหิวและพวกเขี้ยวลากดินทั้งหลาย ผู้นำเผด็จการที่สลัดคราบติดหนวดจะต้องไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งาม ในระหว่างที่ตัวเองบริหารงานเป็นอันขาด มิเช่นนั้น จะถูกรุมกระหน่ำอย่างหนักหน่วง และเมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่มีมาตรายาวิเศษใด ๆ มาช่วยได้อีกต่อไป เหมือนอย่างที่หลายคนที่เป็นพวกเดียวกันสะกิดเตือนแรง ๆ

ตัวอย่างเช่น อาทิตย์ อุไรรัตน์ ที่แสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อการได้ไปต่อของผู้นำเผด็จการ แต่ฝากข้อคิดไว้ได้อย่างกินใจ ขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม แน่วแน่ มุ่งมั่นบริหารประเทศด้วยความเป็นธรรม ซื่อสัตย์สุจริตและเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ด้วยความกล้าหาญ โปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่เห็นแก่พวกพ้อง คนใกล้ชิด นายทุนเหมือนที่ผ่านมา เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วในชีวิตที่จะทำความดี

ความจริงนอกจากตัวว่าที่ผู้นำคนใหม่หน้าเดิมแล้ว อาจต้องฝากไปถึงพี่ใหญ่พี่รองทั้งหลายด้วยกระมัง กลับมารอบนี้อย่าให้มีเรื่องครหาใด ๆ เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะพวกขี้ยืม ด้วยบุญคุณที่มีอาจจะใช้องค์กรอิสระบางแห่งคุ้มกะลาหัวได้ แต่การไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะไม่อาจปิดปากพวกตรวจสอบและวิจารณ์ได้อีกต่อไป หากยังไม่ละความละโมบ ทำตัวเป็นพวกปากมันเหมือนเดิม น้องเล็กอาจต้องเดินไปสู่หุบเหวแห่งหายนะก่อนเวลาอันควร

ส่วนการโหวตเลือกจากที่ประชุมรัฐสภา ทุกอย่างถือว่าเป็นไปตามคาด แต่ก็มีส.ส. 1 รายที่แหกมติพรรค แย่งซีนการลงมติในครั้งนี้นั่นก็คือ “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ จากพรรคภูมิใจไทย โดยหลังจากที่เจ้าตัวขานคำว่า “งดออกเสียง” ก็ทิ้งตัวนั่งน้ำตาซึมในห้องประชุม ไม่มีใครอ่านใจได้ว่าในเวลานั้นส.ส.หนุ่มรายนี้มีอารมณ์ ความรู้สึกอย่างไร แต่จากสิ่งที่เห็นคงบอกได้คำเดียวว่าอึดอัดแบบสุด ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรมาจากพรรคต้นสังกัดหรือไม่

แน่นอนว่า อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคคงไม่พอใจ แต่คงทำอะไรได้ไม่มาก เพราะกฎหมายที่ชอบอ้างกันนั้นให้เอกสิทธิ์กับส.ส.ที่ไม่ทำตามมติพรรคถือว่าไม่มีความผิด และยิ่งในยามที่ต้องอาศัยเสียงเพื่อการต่อรองคงต้องรักษากันไว้ยิ่งกว่าชีวิต เพียงแต่ว่าผลพวงจากกรณีดังกล่าวอาจกระทบต่อการต่อรองเก้าอี้ซึ่งจะเข้มข้นหลังจากที่คนต้องการเป็นนายกฯสมหวังไปแล้ว สิ่งที่เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้าอาจจะไม่เซย์เยสเหมือนเดิมก็เป็นไปได้

เริ่มเปิดเกมโยนหินถามทางก่อนแล้ว เมื่อส.ส.ของพรรคสืบทอดอำนาจเปิดหน้าประกาศผ่านสื่อโต้ง ๆ ขอให้พรรคทวงคืนกระทรวงสำคัญที่เคยตกลงกับพรรคร่วมไปก่อนหน้าทั้งคมนาคมและกระทรวงเกษตรฯ กลับมาเป็นโควตาของพรรค โดยอ้างสารพัดเหตุผล ซึ่งเป็นอันรู้กันว่าทั้งสองกระทรวงดังกล่าวนั้นถูกตีตราจองและวางตัวคนไว้แล้วทั้งจากภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ คิดจะเบี้ยวกันภายหลังอาจเจอมาตรการตอบโต้รุนแรง

จับอาการได้จากเสี่ยหนูที่ถูกถามเรื่องพรรคสืบทอดอำนาจจะล้มดีลเก้าอี้รัฐมนตรีของภูมิใจไทย “ก็ดี ถ้ามีการล้มดีลจริง ก็จะขอเพิ่ม” แม้จะเป็นการพูดทีเล่นทีจริงแต่อารมณ์เป็นไปในทิศทางที่จริงจัง เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องโควต้าว่าการคมนาคมที่เจ้าตัวย้ำหนักแน่น “ยังไม่มีใครพูดเป็นอย่างอื่น หลังจากตกลงกันก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ตกลงอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น” คงเป็นเสียงสะท้อนในทำนองว่านักการเมืองต้องรักษาคำพูด จะมาอ้างว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจรไม่ได้ เอ๊ะ ! หรือ 500 เสียง มันจะใกล้เคียงกับสิ่งนี้ (ฮา)

ขณะที่ฟากประชาธิปัตย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็มีการวางตัวคนไว้เสร็จสรรพเรียบร้อย นั่นก็คือ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ซึ่งก็ไม่ต่างจากภูมิใจไทยที่วางตัวเลขาฯ อย่าง ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ให้ไปกุมบังเหียนที่กระทรวงหูกวางแล้วเหมือนกัน หากพรรคสืบทอดอำนาจคิดจะบิดพลิ้ว ไม่รักษาสัญญา เชื่อได้ว่า พรรคแพ็กคู่คงจะโชว์พลังกันไฟแล่บแน่นอน

ทางด้าน 7 พรรคประชาธิปไตย เมื่อไม่มีงูเห่า จากนี้ก็ต้องหันมาเตรียมตัวในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบ ดูหน่วยก้านส.ส.หน้าใหม่หลายรายแล้ว พอเป็นที่พึ่งที่หวังของสังคมได้ แต่พรรคเพื่อไทยคงต้องไปแก้ปัญหาผู้นำพรรค เนื่องจากความที่เป็นส.ส.เสียงข้างมากหัวหน้าจะต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาตามกฎหมาย แต่บุคคลที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่น่าจะเดินเกมในสภาได้คล่องตัว ดังนั้น จึงน่าจะมีการเขย่ากันอีกกระทอกและรอบนี้ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่เป็นตัวเต็งมาตลอดคงจะสมหวังเสียที

Back to top button