พาราสาวะถี

บ่นกันอุบ หลังฝนเทนานหลายชั่วโมงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผลที่ตามมาสำหรับคนเมืองหลวงคือ น้ำท่วมบางที่สูงถึงครึ่งคันรถ สภาพการจราจรไม่ต้องพูดถึง สิ่งที่ทำได้สำหรับพ่อเมืองลากตั้งคือ “ขอโทษ” กลายเป็นประโยคยอดฮิต ดีกว่าผู้ว่าฯ คนเก่าหน่อยที่ไม่ไล่ให้คนกรุงเทพฯ ไปอยู่บนดอย ไม่ต้องแก้ต่างแก้ตัวว่าเป็นเพราะฝนตกต่อเนื่องทำให้น้ำระบายไม่ทัน ท่อระบายน้ำเล็ก ก็เห็นทุ่มถมงบประมาณเพื่อการนี้ไปหลายระลอก สรุปแล้วเอาเงินภาษีของประชาชนไปผลาญเล่นใช่หรือไม่


อรชุน

บ่นกันอุบ หลังฝนเทนานหลายชั่วโมงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผลที่ตามมาสำหรับคนเมืองหลวงคือ น้ำท่วมบางที่สูงถึงครึ่งคันรถ สภาพการจราจรไม่ต้องพูดถึง สิ่งที่ทำได้สำหรับพ่อเมืองลากตั้งคือ “ขอโทษ” กลายเป็นประโยคยอดฮิต ดีกว่าผู้ว่าฯ คนเก่าหน่อยที่ไม่ไล่ให้คนกรุงเทพฯ ไปอยู่บนดอย ไม่ต้องแก้ต่างแก้ตัวว่าเป็นเพราะฝนตกต่อเนื่องทำให้น้ำระบายไม่ทัน ท่อระบายน้ำเล็ก ก็เห็นทุ่มถมงบประมาณเพื่อการนี้ไปหลายระลอก สรุปแล้วเอาเงินภาษีของประชาชนไปผลาญเล่นใช่หรือไม่

ถ้าแก้ไม่ได้ด้วยเหตุผลห่วย ๆ แบบนี้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำงบประมาณไปทุ่มกับสิ่งที่อ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง เมื่อมันหมดปัญญาที่จะแก้ แทนที่จะออกมาขอโทษอยู่ร่ำไป ก็ใช้วิธีการบอกกับคนกรุงเทพฯ ตรง ๆไปเลย วันไหนฝนตกหนักเกินครึ่งชั่วโมงโปรดเตรียมตัวเตรียมใจรถติด น้ำท่วม จากนั้นก็ตั้งศูนย์ขึ้นมาเฉพาะ รับเรื่องด่าของคนที่เสียภาษีให้ไปนั่งบริหารงานกันแต่ไม่มีความสามารถที่จะแก้ปัญหา อาจนำทีมโดยผู้ว่าฯ กทม.เลยก็ดี ถูกด่าวันละสี่ซ้าห้าชั่วโมง ดีกว่ามาแก้ต่างแก้ตัวให้เขาด่าบรรพบุรุษทุกวัน

เกมการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกำลังเข้มข้น นี่แหละผลพวงของการเขียนกฎหมายให้พรรคการเมืองอ่อนแอ รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นได้ต้องเป็นรัฐบาลผสม หากไปถามคนร่างถ้าตอบกันแบบตรงไปตรงมา น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาแบบนี้ สิ่งที่ออกแบบไว้เพื่อให้พรรคและคนสืบทอดกลับมามีอำนาจนั้นถูกแล้ว แต่ฝ่ายกุมอำนาจปัจจุบัน ไม่มีความสามารถที่จะทำให้พรรคที่ตัวเองหนุนหลังทั้งที่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน พร้อมกระสุนดินดำ เอาชนะพรรคฝ่ายตรงข้ามได้ มันก็ต้องเจอสภาพแบบนี้

ช่วงรอยต่อระหว่างที่มีม.44 กับนายกฯ ที่มาจากการโหวตโดยใช้ฐานส.ว.ลากตั้งเป็นหลัก ยังพอถูไถกันไปได้บ้าง แต่ทั้งหมดจะชี้วัดต่อเมื่อได้เห็นโฉมหน้ารัฐมนตรีรายกระทรวงกันแล้ว บอกไว้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มหาเสียงการเกิดขึ้นของกลุ่มสามมิตรภายในพรรคสืบทอดอำนาจ นี่จะเป็นมุ้งใหญ่ภายในพรรค ขณะที่ฝ่ายถืออำนาจก็ใช้หัวขบวนของม็อบนกหวีดมาเดินนำ โดยเก้าอี้รัฐมนตรีมีแค่ 35 ที่นั่ง ลำพังพวกเดียวกันแต่คนละก๊วนก็ป่วนแย่แล้ว

เมื่อต้องไปพึ่งใบบุญจากพรรคตัวแปรสำคัญมีหรือที่จะไม่ถูกบีบหน้าเขียว โดยที่พวกตัวเองก็ประกาศกันปาว ๆ ก่อนเลือกตั้ง ขอกระทรวงที่ตัวเองต้องการถึงขนาดให้กระบอกเสียงเที่ยวโพนทะนาว่าไปจัดซื้อจัดเตรียมพาหนะทุกอย่างพร้อมแล้วเพื่อกระทรวงที่หมายตา พอเกมมาพลิกเช่นนี้แล้วมันจะลงเอยกันได้อย่างไร ถือเป็นการวัดใจและดูความเด็ดขาดของว่าที่ผู้นำที่ต่อไปจะไร้ซึ่งม.44 แล้ว ทุบโต๊ะเหมือนคราวยึดอำนาจหรือจะโอนอ่อนผ่อนตามคำขู่ของผู้ที่มาช่วยแก้ปัญหาชีวิตเสียงปริ่มน้ำ

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ดูท่าว่าจะไร้ปัญหา หากเป็นไปตามที่คุณแหล่งข่าวระบุมา คือการเจรจารอบล่าสุด พรรคเก่าแก่ยินดีคืนกระทรวงพาณิชย์ให้กับพปชร. โดยแลกกับกระทรวงศึกษาธิการบนเงื่อนไขที่คนของพรรคได้นั่งว่าการ 4 ตำแหน่งและรมช.อีก 3 ตำแหน่ง ซึ่งระดับว่าการอีก 3 กระทรวงที่ไม่น่าจะเกิดการบิดพลิ้วอีกแล้วคือ เกษตรและสหกรณ์ การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน

ส่วนรัฐมนตรีช่วยนั้นยังพุ่งเป้าไปที่พาณิชย์ พร้อมเพิ่มเงื่อนไขขอกำกับดูแลกรมการค้าภายในด้วย อีกหนึ่งตำแหน่งคือ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ที่จองไว้โดย ถาวร เสนเนียม โดยมี นิพนธ์ บุญญามณี เป็นตัวสอดแทรก ที่ยังตกลงกันไม่ได้คือรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เนื่องจากสิ่งที่พรรคสืบทอดอำนาจยอมให้กับพรรคเก่าแก่นั้นถือว่ามากพอแล้ว ดังนั้น กระทรวงเกรดเอในระนาบช่วยว่าการจึงขอไว้เพื่อปลอบใจกลุ่มก๊วนในพรรคที่อกหักบ้าง

อย่างไรก็ตาม แม้จะสมหวังในตำแหน่งเสนาบดีแล้ว บรรดากองเชียร์พรรคเก่าแก่ก็ยังสะกิดแรง ๆ ไปยัง จุรินทร์ ลักษณวิศิฏษ์ ว่า อย่าลืมสิ่งที่ได้แถลงไว้เรื่องปิดสวิทช์คสช. เพราะถ้ามัวแต่ต่อรองแล้วยอมให้อำนาจพิเศษเข้ามามีส่วนในการกำหนดตำแหน่งรัฐมนตรี งานนี้จะถือเป็นอีกหนึ่งละครปาหี่ที่พรรคเก่าแก่สร้างขึ้นมาหลอกคนดู นัยว่าสิ่งที่ทำไปเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน แต่สุดท้ายก็โกหกทั้งเพ ทุกอย่างล้วนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์พวกพ้องและตัวเองทั้งสิ้น

ฟากของ อนุทิน ชาญวีรกูล ดูท่าว่าจะถูกเจรจาอย่างหนักไม่แพ้กัน จนล่าสุด เจ้าตัวต้องออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ย้ำภูมิใจไทยยังได้เก้าอี้ว่าการคมนาคม สาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พร้อม ๆ กับข้อความที่ว่า กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา จบข่าว !!! สื่อสารกันแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม พวกที่พยายามจะยื่นหมูยื่นแมวอยู่คงต้องเลิกคิดกันได้แล้ว

ส่วนผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้ว่าการของพรรคเสี่ยหนูนอกเหนือจากหัวหน้าพรรคและ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคแล้ว อีกคนคงหนีไม่พ้น ด็อกเตอร์นาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค แม้จะเป็นส.ส.สุภาพสตรีแต่ใจนั้นกว้างกว่าผู้ชายบางคนหลายเท่าตัวนัก นี่คือมือทำงานคนสำคัญที่ทำให้พรรคสีน้ำเงินวางฐานส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ โดยโค่นพรรคเจ้าถิ่นอย่างประชาธิปัตย์ได้ราบคาบในหลายพื้นที่ ดังนั้น จึงต้องมีเก้าอี้ติดไม้ติดมือเป็นการปูนบำเหน็จด้วย

ขณะที่กรณีของ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ที่แหกมติพรรคงดออกเสียงในวันโหวตเลือกนายกฯ นั้น เห็นภาพของประชาชนชาวศรีสะเกษ เขต 1 ที่แห่มารอต้อนรับ “เสี่ยโต้ง” วันเดินทางกลับบ้านแล้ว การที่ภูมิใจไทยตั้งคณะกรรมการมาสอบแล้วจะมีผลอย่างหนึ่งอย่างใดคงต้องคิดหนัก และอย่าลืมเป็นอันขาดถ้ารุนแรงถึงขั้นเฉดหัวพ้นพรรค เชื่อได้เลยว่ามีพรรคที่พร้อมจะอ้าแขนรับด้วยความเต็มใจ และเดาไม่ยากว่าจะเป็นพรรคไหน

ที่คงตั้งคำถามกันมากหน่อยน่าจะเป็นกรณีส.ส.ของพรรคนายใหญ่จำนวนหนึ่งไปกินข้าวที่ร้านอาหารเพลินกับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน จากพรรคสืบทอดอำนาจ ข้ออ้างว่าไม่รู้มาก่อนนั้นบ้องตื้นเต็มทน คนเขารู้กันทั้งเมืองไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ภาพงูเห่ายกมือเป็นคราว ๆ สำหรับเรื่องที่ต้องการเสียงอันปลอดภัยของรัฐบาลสืบทอดอำนาจปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด ส่วนหัวขบวนสามมิตรไม่ต้องพูดถึงการเผยแพร่ภาพมื้อพิเศษนี้สู่สาธารณะนั้นเพื่อเป้าประสงค์ใด

Back to top button