สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 มิ.ย. 2562

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่พุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในอ่าวโอมาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่ซบเซา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,106.77 จุด เพิ่มขึ้น 101.94 จุด หรือ +0.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,891.64 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,837.13 จุด เพิ่มขึ้น 44.41 จุด หรือ +0.57%

 

หุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อวานนี้ จากรายงานการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในอ่าวโอมาน ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.16% ปิดที่ 380.33 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,375.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.71 จุด หรือ +0.01% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,169.05 จุด เพิ่มขึ้น 53.37 จุด หรือ +0.44% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,368.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด หรือ +0.01%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าอังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบไร้ข้อตกลง หลังผลการลงคะแนนเพื่อสรรหาผู้ที่จะมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ปรากฎว่า นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งเป็นตัวเก็ง สามารถครองอันดับ 1 ด้วยคะแนน 114 เสียง ทิ้งห่างนายเจเรมี ฮันท์ อันดับ 2 ซึ่งได้ 43 เสียง

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,368.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.95 จุด หรือ +0.01%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำถูกโจมตีในอ่าวโอมาน ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ ขณะที่สหรัฐกล่าวหาว่า อิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 52.28 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 61.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่าน นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 6.90 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 1,343.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 13.9 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 14.892 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 809.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 32.60 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 1,438.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่ซบเซา ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.32 เยน จากระดับ 108.50 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9933 ฟรังก์ จากระดับ 0.9956 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3325 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3332 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1279 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1286 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2682 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2687 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6916 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6926 ดอลลาร์สหรัฐ