แรงซื้อแผ่ว

*ตลาดหุ้นเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยอาการบวก ๆ ลบ ๆ สลับกันไปเหมือนขึ้นรถไฟเหาะแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ มันเป็นช่วงของการประลองกำลังระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย แต่หากอ่านเข้าไปถึงรายละเอียดจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจของไทยเองภาคส่งออกยังหดตัวต่อเนื่อง ผนวกกับค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นปัจจัยกดดันหุ้นส่งออก แถมยังมีประเด็นให้ห่วงหน้าพะวงหลังอย่างสงครามการค้าที่ต้องคอยลุ้นกันในสัปดาห์นี้ซึ่งจะทำให้หุ้นทั่วโลกผันผวนไปพักใหญ่ ฉะนั้นการเล่นหุ้นในรอบนี้ต้องเข้าออกให้ถูกจังหวะ และเลือกหุ้นให้เป็นเท่านั้นเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ตลาดหุ้นเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยอาการบวก ๆ ลบ ๆ สลับกันไปเหมือนขึ้นรถไฟเหาะแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ มันเป็นช่วงของการประลองกำลังระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย แต่หากอ่านเข้าไปถึงรายละเอียดจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจของไทยเองภาคส่งออกยังหดตัวต่อเนื่อง ผนวกกับค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นปัจจัยกดดันหุ้นส่งออก แถมยังมีประเด็นให้ห่วงหน้าพะวงหลังอย่างสงครามการค้าที่ต้องคอยลุ้นกันในสัปดาห์นี้ซึ่งจะทำให้หุ้นทั่วโลกผันผวนไปพักใหญ่ ฉะนั้นการเล่นหุ้นในรอบนี้ต้องเข้าออกให้ถูกจังหวะ และเลือกหุ้นให้เป็นเท่านั้นเจ้าค่ะ

*ดูจากเบสิกการเล่นเที่ยวนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า ผู้เล่นกลุ่มหลักเริ่มชะลอการเคาะขวารัว ๆ อย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเป็นผลมาจากผลงานไตรมาส 2 ออกอาการว่าจะไม่ปังอย่างที่เดี๊ยนเคยย้ำให้ฟังหลายรอบ ผนวกกับมีหุ้นหลายตัววิ่งจนเกินพื้นฐานไปมาก จึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปรับหุ้นในช่วงที่วิ่งออกนอกหน้า เพราะมันไม่มีประเด็นที่ทำให้เชื่อว่าหุ้นจะไปไกลกว่านี้นะซิ !

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้เดี๊ยนต้องย้ำหัวหมุดว่าแนวทางการลงทุนเที่ยวนี้ ควรเน้นที่เทคนิคร่วมกับพื้นฐานสักนิดหนึ่ง เพราะเป็นช็อตที่ทำให้แมงเม่าไหวตัวทัน สักเกตได้ตามตำราที่มิตรรักแฟนเพลง “โมนิก้า” ได้เล่าเรียนกันมา มันเป็นจังหวะที่บอกให้ทุกคนรู้ว่า หุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไปจริง ๆ และมีความจำเป็นต้อง take profit หรือมีประเด็นบวกให้มั่นใจว่าจะสร้างฐานใหม่กันแน่

*เห็นได้ชัดในรายของ KAMART ราคาทะยานขึ้นติดต่อกันมาหลายวันจนทะลุทุกเส้นค่าเฉลี่ย ทำให้นักเล่นเฮโลกันตามไปเก็บเข้าพอร์ตเป็นขบวน หุ้นจึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.90 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.51% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47.05 ล้านบาท หากใครที่ไหวตัวทันจะมองเห็นว่าการไล่ราคาขึ้นมาถึงระดับนี้มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะโดนขายทำกำไรรอบใหญ่ออกมาเร็ว ๆ นี้ จากสัญญาณ RSI วิ่งขึ้นแตะระดับที่บ่งบอกว่าเกิดภาวะ Overbought ซึ่งต้องดันให้หุ้นขึ้นไปเหนือ 5.95 บาท ให้ได้เท่านั้นถึงจะเห็นการสร้างฐานรอบใหม่เจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ TKN แว่วมาว่าไตรมาส 2 ผลงานยังไม่เข้าเป้าหลังจากภาคการบริโภคในประเทศยังเบาบาง ผสานกับนักท่องเที่ยวจีนที่ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจสาหร่ายน้อยแบบเป็นพิเศษยังไม่ฟื้นตัว ถือเป็นปัญหาหนักอึ้งที่ทำให้หุ้นยังไม่มีความน่าสนใจจนกระทบทั้งผลงานและราคาหุ้น จนย้อยตัวลงมาปิดที่ 9 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลบไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 361.044 ล้านบาท เพราะยังมองไม่ออกว่าผลงานจะกลับมาตอนไหนเจ้าค่ะ

*ยังเดินหน้าทำนิวไฮต่อสำหรับ TASCO ที่ดันราคาขึ้นมาปิดที่ 21 บาท บวก 0.90 บาท หรือบวกไป 4.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 957.03 ล้านบาท จากสตอรี่ดี ๆ ที่เดี๊ยนได้ฟังมาแบบไม่หยุดหย่อน ทั้งบุ๊กค่าสินไหมไฟไหม้สต๊อกน้ำมันงวดแรก 450 ล้านบาท ต้นทุนที่ปรับลงตามเงินบาทที่แข็งค่าซึ่งจะหนุนให้กำไรไตรมาส 2/62 โตทะลุ 1 พันล้านบาท แถมด้านเทคนิคยังมีสัญญาณเป็นบวก ของแบบนี้ไม่บอกก็รู้ว่าหุ้นไปต่อได้แน่นอนจ้า

*ด้าน SINGER ราคาหุ้นเป็นขาขึ้นมานานกว่า 2 เดือนนักเล่นที่กอดหุ้นเอาไว้ฟันรีเทิร์นกันไปแล้วเกิน 45% หลังวานนี้วิ่งมาปิดที่ระดับ 6.80 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 5.43% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 51.24 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าการเคลื่อนตัวในลักษณะนี้ยังเหลือแก๊ปให้เล่น เพราะงบไตรมาส 2/62 ที่ออกมามีลุ้นทำนิวไฮแถมประเด็นบวกด้วยการกลับมาปล่อยสินเชื่อ C4C ได้อีกครั้งน่าจะหนุนให้ราคาหุ้นทะยานต่อ งานนี้ราคาเป้าหมาย 7.20 บาทจึงไม่ใช่เรื่องยากเจ้าค่ะ

*ในรายของ TOP ที่กลับมาคึกคักรับโชค 3 ชั้น ! ทั้งข่าวราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง พ่วงด้วยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงอ่อนค่าทำให้เบาใจจากการขาดทุนสต๊อก แถมด้วยข่าวเกิดเหตุระเบิดโรงกลั่นในสหรัฐฯ ที่มีกำลังการกลั่นสูงถึง 3.35 แสนบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปพุ่งแรงตามอุปทานที่น้อยลง ราคาหุ้นวานนี้จึงไต่ขึ้นมาปิดที่ระดับ 66.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่าซื้อขาย  1.98 พันล้านบาท การขึ้นไปทดสอบแถว 70 บาท จึงไม่ไกลนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ LOXLEY ราคาหุ้นวิ่งปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับ 2.22 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 7.77% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 122.96 ล้านบาท เหตุผลที่ทำให้หุ้นวิ่งแรงขึ้นมาหนีไม่พ้นเรื่องหวยออนไลน์ที่ต้องรอผลกันต่ออีก 1 เดือนหลังยืดเยื้อมานานนม ซึ่งจะออกหัวหรือออกก้อยคงต้องลุ้นกันต่อ แต่ที่แน่ ๆ หุ้นวิ่งไปเฉียด 8% ไม่ธรรมดาแน่ ๆ เจ้าค่ะ

*ปิดท้ายที่ OSP การเคลื่อนไหวครั้งนี้ดูจะสวนทางกับหุ้นตัวอื่น ๆ สักหน่อย สาเหตุไม่ได้มีอะไรมากให้ต้องคิดจนเอาแขนก่ายหน้าผาก เพราะก่อนหน้านี้วิ่งรับข่าวดีเข้าคำนวณ SET50 ไปแล้ว จนทำให้ราคาหุ้นเต็มมูลค่า เมื่อส่องดูจากราคาเป้าหมายจะเห็นว่าอยู่ราว ๆ 30 บาทต้น ๆ เท่านั้น วานนี้ราคาหุ้นถึงได้ปรับตัวลดลงมาปิดที่ 34 บาท ลบไป 1 บาท หรือลบไป 2.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 พันล้านบาทยังไงล่ะเจ้าคะ

Back to top button