พาราสาวะถี

ยืนยันจาก วิษณุ เครืองาม ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำรายชื่อครม.ทั้ง 36 คนขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว เมื่อนักข่าวไปถามท่านผู้นำก็ได้รับคำตอบ “เดี๋ยวพวกเธอก็รู้ เดี๋ยวก็ลงมาแล้ว” ดังนั้น หลังจากนี้จึงต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งลงมา ซึ่งไม่สามารถคาดเดาและมิบังควรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพระบรมราชวินิจฉัย


อรชุน

ยืนยันจาก วิษณุ เครืองาม ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำรายชื่อครม.ทั้ง 36 คนขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว เมื่อนักข่าวไปถามท่านผู้นำก็ได้รับคำตอบ “เดี๋ยวพวกเธอก็รู้ เดี๋ยวก็ลงมาแล้ว” ดังนั้น หลังจากนี้จึงต้องรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งลงมา ซึ่งไม่สามารถคาดเดาและมิบังควรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นพระบรมราชวินิจฉัย

อย่างไรก็ตาม รายชื่อรัฐมนตรียังมีแกว่งไกวที่ผิดไปจากที่คาดเดากันไปก่อนหน้านี้หลายราย ปัจจัยคงอยู่ที่การดูแลภาพลักษณ์ ผู้นำเผด็จการอยากให้หน้าตาเริ่มต้นของรัฐนาวาออกมาดูดี จึงพยายามที่จะจัดคนขี้เหร่น้อยที่สุดในส่วนพรรคของตัวเอง ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลแตะอะไรไม่ได้ เว้นเสียแต่บางพรรคที่จะโยนเก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญให้ไม่ได้ เหตุไม่อยากให้พวกอื่นกลุ่มอื่นหรือแม้แต่มุ้งในพรรคเดียวกัน ใช้เป็นข้ออ้างในการต่อรอง

ทั้งนี้ น่าสนใจกับบทสัมภาษณ์ของผู้นำสืบทอดอำนาจเมื่อวันศุกร์ที่ย้ำว่า โผครม.ที่ออกกันมาเป็นการนั่งเทียนเขียนข่าว ดังนั้น ถ้าไม่ตรงก็ให้รับผิดชอบกันบ้าง แต่ที่อยากรู้และได้คำตอบเสียงสูงกลับมาว่า “ไม่จริงมั้ง” คงเป็นรายของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาของพรรคสืบทอดอำนาจ ในฐานะล็อบบี้ยิสต์คนสำคัญของพรรค จากเดิมที่ไม่รับเก้าอี้แล้วยกให้น้องชาย ก่อนที่น้องในไส้จะปฏิเสธในวินาทีสุดท้าย เก้าอี้จึงโยกกลับมาที่พี่ชายอีกกระทอก

คงไม่ต้องคาดเดาอะไรให้ยาก การทำให้มือประสานสิบทิศของพรรคมีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร ก็เพื่อเป้าประสงค์มีพลังในการเจรจาต่อรอง ตามข่าวที่เล็ดลอดกันออกมาเป้าหมายหลักคือการเข้าไปย่อยสลายก๊วนสามมิตร ที่ออกอาการรุกไล่จนทำให้ท่านผู้นำประสาทเสีย จนต้องออกสารขอโทษประชาชนพร้อมกับขู่ระวังจะแก้ปัญหาแบบเดิม ด้วยเหตุนี้จึงต้องใช้วิธีการให้คนสนิทมีอำนาจและใช้อำนาจนั้นไปเพื่อทำให้ฝ่ายก่อหวอดสยบยอม

แต่คงไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากภาวะจำยอมในรอบนี้เป็นที่รู้กันฝ่ายที่เสียประโยชน์อยู่ในภาวะกล้ำกลืนฝืนทน เพื่ออีกฝ่ายจะได้ใช้เป็นเหตุอ้างให้คนส่วนใหญ่ได้เห็นว่ามีอำนาจ บารมีและบริหารจัดการการเมืองไม่เหมือนในอดีต สุดท้ายเชื่อขนมกินได้ว่า หลังจากผ่านการบริหารงานไปได้ระยะหนึ่ง ทั้งผลสัมฤทธิ์ของงานไม่เป็นไปตามเป้า ทั้งการเขย่าขย่มของพวกเดียวกันที่หวังตำแหน่ง จะเป็นตัวเร่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาลสืบทอดอำนาจอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เป็นห่วงกันมากคือจะเกิดบุฟเฟ่ต์คาบิเนตซ้ำรอยอดีตหรือไม่ เนื่องจากในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามีการใช้กระสุนกันอย่างหนักหน่วง ดังนั้น จากเหตุที่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่ไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะอยู่ได้ยาว มีเวลานานในการที่จะถอนทุนคืน จึงต้องเร่งปั๊มปัจจัยให้ได้คืนโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็เตรียมปัจจัยไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย แต่ครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ภาวะของผู้นำที่อ้างว่าเกลียดการทุจริตคอร์รัปชั่น จะจัดการพวกปากมันกันอย่างไร

ใช่ว่าห้วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมา มันจะไร้ซึ่งเรื่องคาวฉาวโฉ่ เพียงแต่ว่าการมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไว้ปิดปาก กระบวนการตรวจสอบต่างๆ จึงขยับทำอะไรไม่ได้ หรือมีการขยับแต่เรื่องที่ดำเนินการกันไปก็ถูกเป่าให้หายไปในกลีบเมฆ แต่หลังเป็นรัฐบาลที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง องคาพยพของการตรวจสอบจะเข้มข้น แน่นอนว่า องค์กรที่ทำหน้าที่จะหลับหูหลับตาหรือหน้าทนเหมือนช่วง 5 ปีก่อนหน้านั้นไม่ได้อีกต่อไป เพราะทุกคน ทุกฝ่ายพร้อมที่จะวิจารณ์และลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวกันอย่างหนักหน่วงแน่นอน

ขณะที่ฝ่ายค้านก็มีการจองกฐินไว้แต่เนิ่น ๆ กับหลายเรื่องที่พันตัวผู้ที่จะเข้ามาเป็นเสนาบดี แม้กระบอกเสียงของพรรคสืบทอดอำนาจจะออกมาตีกันว่า ยังไม่ได้เริ่มทำงานก็จับผิดกันแล้ว สงสัยแค่หายใจก็ผิดแล้วกระมัง เป็นคำพูดที่ไม่ได้เกินเลยหรือผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริง มันก็เหมือนกับที่พรรคพวกฝ่ายตรงข้ามอำนาจเผด็จการในช่วงที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั่นแหละ ทุกเรื่องที่ขยับถูกดำเนินการเป็นความผิดแทบทั้งหมด ด้วยข้อกล่าวหาอันคลาสสิกเป็นภัยต่อความมั่นคง

หากเป็นนักการเมืองผู้คร่ำหวอดย่อมทำใจยอมรับและตั้งการ์ดให้สูง เหมือนที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สะกิดพวกเดียวกันดัง ๆ การจองกฐินจะซักฟอก อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจและว่าที่รัฐมนตรีคลัง ถือเป็นกลไกปกติทางการเมือง เป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลต้องเตรียมพร้อมและอย่าประมาท แสดงว่าเสี่ยหนูเองก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่คนซึ่งถูกกล่าวหาออกมายืนยันปมปล่อยกู้กรุงไทยไม่ได้มีความผิดและเป็นคนเดียวที่คัดค้านการปล่อยกู้ดังกล่าว

เนื่องจากคำกล่าวอ้างนั้นไม่ได้มีหลักฐานใด ๆ มายืนยันว่าเป็นไปตามที่พูด ยิ่งการยกเหตุผลว่าคตส.ซึ่งตั้งขึ้นมาในยุคเผด็จการคมช.ไม่ได้ติดใจเอาผิด และป.ป.ช.ก็ไม่ได้กล่าวหา มันกลายเป็นการไปยกเอาองค์กรที่คนจำนวนไม่น้อยยังมีข้อกังขา คตส.ไม่ต้องพูดถึงตั้งขึ้นและมีภารกิจเพื่ออะไรคนรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ส่วนป.ป.ช.ยิ่งในยุคนี้ตั้งแต่เกิดเหตุนาฬิกาหรู เครดิตความน่าเชื่อถือลดต่ำลงแทบจะติดลบ การพูดลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานใดมาแสดงจึงยากที่จะทำให้คนเชื่อ

ในเมื่อมั่นใจในความบริสุทธิ์ ก็ไม่จำเป็นต้องออกมาโพนทะนาอะไรให้เมื่อยตุ้ม เตรียมข้อมูล หลักฐานไว้ไปต่อสู้ในสภาเลยดีกว่า หากฝ่ายค้านนำเอกสารหลักฐานที่ไม่เป็นความจริงมากล่าวหา โจมตีเพื่อหวังผลทางการเมือง คนเหล่านั้นก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและเป็นสิทธิ์ของผู้เสียหายที่จะดำเนินการได้ ทุกอย่างหากว่ากันไปตามกระบวนการปกติที่โปร่งใส เป็นธรรม เมื่อจบแล้วทุกคน ทุกฝ่ายย่อมยอมรับกันแต่โดยดี

ส่วนพรรคการเมืองนี้อนาคตใหม่ ด้วยความที่มาแรงเกินหน้าเกินตา จึงเป็นปกติธรรมดาที่จะถูกเตะตัดขากันทุกทาง ล่าสุด โดยทั้งเรื่องแต่งกายไปประชุมสภา ไม่เว้นแม้กระทั่งการรวมตัวไปรับประทานอาหาร ดราม่ากันทุกช็อต จับผิดกับทุกทางอย่างนี้ เป็นใครก็เหนื่อยใจ ก็ไม่รู้ว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะนำพาคณะเดินฝ่ารังสี (อิจฉาริษยา) อำมหิตกันได้นานขนาดไหน เห็นแนวร่วมสหบาทาแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ ที่มั่นใจว่าไม่ผิด ที่คิดว่าไร้ปัญหา มันก็กลับตาลปัตรกันได้หน้าตาเฉย ตัวอย่างมีให้เห็นกันหลายกรณีแล้ว

Back to top button