พาราสาวะถี

เห็นภาพการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมการปราศรัยกับประชาชน (จัดตั้ง) ครั้งแรกหลังได้รับตำแหน่งจากการโหวตของที่ประชุมรัฐสภา แม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะบอกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน ทุกจังหวัด แต่มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดประดุจไข่ในหิน มันกลับเป็นภาพแย้งกับสิ่งที่ตัวเองพูดโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่า มีความพยายามจะทำตัวเหมือนนักการเมืองแต่ยังติดระบบเจ้าขุนมูลนายอยู่ ประชาชนที่อยากสัมผัสผู้นำประเทศใกล้ชิด ถ้าไม่ได้จัดตั้งกันมาอย่าหวังว่าจะได้เจอตัวเป็นเป็น


อรชุน

เห็นภาพการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมการปราศรัยกับประชาชน (จัดตั้ง) ครั้งแรกหลังได้รับตำแหน่งจากการโหวตของที่ประชุมรัฐสภา แม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะบอกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน ทุกจังหวัด แต่มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดประดุจไข่ในหิน มันกลับเป็นภาพแย้งกับสิ่งที่ตัวเองพูดโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่า มีความพยายามจะทำตัวเหมือนนักการเมืองแต่ยังติดระบบเจ้าขุนมูลนายอยู่ ประชาชนที่อยากสัมผัสผู้นำประเทศใกล้ชิด ถ้าไม่ได้จัดตั้งกันมาอย่าหวังว่าจะได้เจอตัวเป็นเป็น

ไม่รู้ว่าเมื่อผ่านพ้นการเลือกตั้งมาแล้ว และพยายามจะสร้างภาพว่าเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เหตุใดจึงต้องกันผู้คนให้เข้าใกล้ถึงขนาดนั้น ที่สะกิดเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะอคติหรือใช้ความรู้สึกส่วนตัว แต่เป็นเสียงสะท้อนจากชาวภูเก็ตเองที่ไปรอพบท่านผู้นำ ที่ปรากฏว่ามีการปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงตัว มีเพียงคน 200 คนที่จัดเตรียมกันมารับฟังปราศรัยเท่านั้นที่มีโอกาสได้พบ ถ้ายังเป็นนายกฯ ที่เข้าถึงยากมันก็ยากที่จะได้รับฟังปัญหาที่แท้จริงของประชาชน

อย่าอ้างว่ามีกลไกของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ อย่าบอกว่ามีคนร้องเรียนมาเป็นหลายล้านหรือสิบล้านเรื่อง เพราะความเป็นจริงสิ่งที่รายงานผ่านระบบราชการนั้น ถามว่าจะมีใครนำเสนอข้อเท็จจริงอันเป็นความเดือดร้อนของประชาชนและเป็นปัญหาจากระบบการทำงานของราชการให้ท่านผู้นำได้รับรู้ และการเป็นพระยาเหยียบเมืองนั้น ถือเป็นการเข้าไปสัมผัสรับฟังปัญหาของประชาชนอย่างใกล้ชิด การที่ดีแต่พูดว่าเป็นผู้นำของคนทุกจังหวัด ไม่แบ่งแยกว่าจังหวัดไหนเลือกไม่เลือก แต่กลับทำตัวเหินห่างมันพิลึกชอบกล

เมื่อเลือกที่จะเดินต่อบนถนนสายการเมือง ก็ต้องเลิกที่จะยึดติดหัวโขนของความเคยชินที่ชอบสั่งซ้ายหันขวาหัน หรือการวางลำดับชั้นของนายทหาร เพราะประชาชนไม่ใช่ลูกน้อง ประเทศชาติไม่ใช่ค่ายทหาร ถ้าอ้างบอกว่างานที่จะเข้ามาสานต่อจากการสืบทอดอำนาจคือการสร้างความเท่าเทียมและจัดสรรงบประมาณให้ทั่วถึงทุกภาค คงต้องเริ่มจากผู้นำที่ทำตัวให้เข้าถึงง่ายและเข้าใจปัญหาด้วยการไปสัมผัสกับประชาชนอย่างใกล้ชิดเสียก่อน อย่าเที่ยวได้จัดตั้งกันมาแล้วคอยปรบมือตามการส่งซิก

ส่วนประเด็นที่ ชวน หลีกภัย ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติเฉพาะตัวของท่านผู้นำว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ตามคำร้องของส.ส.ฝ่ายค้านนั้น ถือเป็นการยื่นตามกลไกปกติ ยิ่งพอฟัง วิษณุ เครืองาม อธิบายมุมข้อกฎหมายเป็นฉาก ๆ ยิ่งแสดงความมั่นใจหรือคุยฟุ้งมากเท่าไหร่ คนก็เห็นปลายทางของบทสรุปที่จะเกิดขึ้น แทบไม่ต้องคาดเดา ขณะเดียวกันมันก็จะเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือขององค์กรที่จะพิจารณาลงไปเรื่อย ๆ

ความเชื่อมั่นที่หดหายไปนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงกันว่า มาทั้งจากพฤติกรรมในอดีต การยอมรับของคนที่เคยอยู่ในองค์กรว่าตัดสินบางเรื่องตามกระแสหาได้ยึดหลักการที่ถูกต้องไม่ ไม่เพียงเท่านั้น การเลือกเซตซีโร่องค์กรอิสระบางองค์กรของเผด็จการคสช. มันยิ่งทำให้เกิดความเคลือบแคลงกับพฤติกรรมเลือกปฏิบัติ ทำให้คนมองเห็นเป้าประสงค์ที่ดำเนินการกันว่าสุดท้ายต้องการอะไร นี่ก็เป็นสนิมอันเกิดแต่เนื้อในเหมือนอย่างที่วิษณุว่าเหมือนกัน

ทุกองค์กร ทุกองคาพยพโดยเฉพาะพวกอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีใครทำให้ล้มหรือล่มสลายได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการปฏิบัติในระหว่างมีอำนาจทั้งสิ้น หากตรงไปตรงมา เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ความมั่นใจ ศรัทธา ย่อมเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่หากแกว่งไกวด้วยปัจจัยที่ก็รู้ว่ามาจากอะไร ความไว้วางใจจากประชาชนมันย่อมอยู่ในภาวะสาละวันเตี้ยลง รอวันติดลบเพียงอย่างเดียว ถามว่าเวลานี้มีองค์กรไหนบ้างที่คนส่วนใหญ่ไว้ใจโดยไร้เสียงวิพากษ์วิจารณ์

ยังไม่เลิกหวังสำหรับส.ส.อีสาน พรรคพลังประชารัฐ โดย เอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำกลุ่มที่ออกมาโวกเวกเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ล่าสุด ย้ำถึงการเคารพการตัดสินใจต่อการจัดโผครม.ของท่านผู้นำและให้เวลาในการทำงาน หากคราวหน้าถ้ามีการปรับครม.เมื่อไหร่ หวังว่าจะให้โอกาสส.ส.ของกลุ่มได้เข้าไปทำหน้าที่บ้าง ฟังดูดี แต่นี่เหมือนเป็นการขู่กลาย ๆ รอบหน้าถ้าไม่ได้ คงไม่ยอมจบกันง่าย ๆ เหมือนคราวนี้

คงไม่ต่างจากกลุ่มสามมิตรที่ยอมกลืนเลือดหลังถูกขู่ด้วยวิธีการจัดการปัญหาแบบเดิม ๆ แต่การยอมสงบใช่ว่าเรื่องจะจบแต่โดยดี เพราะการแสดงออกที่หนักหน่วงรุนแรงหนนี้ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับคนที่เป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง จึงต้องรอดูว่าจะใช้ยุทธวิธีใดในการย่อยสลายก๊วนดังว่า หนีไม่พ้นการแจกจ่ายปัจจัยในการดูแล ทว่าการเป็นพวกมือเติบต้องมองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมาช้าหรือเร็วด้วย ถ้านายทุนผู้สนับสนุนหลักยังกอบโกยกันได้เหมือนช่วง 5 ปีกว่าที่ผ่านมาทุกอย่างก็ไร้ปัญหา

อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูการประชุมคณะกรรมการบริหารกับส.ส.ของพรรคสืบทอดอำนาจในวันนี้ ที่จะมีการพิจารณาตำแหน่งข้าราชการการเมือง การันตีมาจากเนติบริกรสีข้างถลอกแล้วว่าส.ส.สามารถนั่งตำแหน่งเหล่านั้นได้ ไม่ว่าที่ปรึกษา เลขานุการหรือผู้ช่วยรัฐมนตรี และไม่มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แน่นอนว่า นี่ก็จะเป็นอีกหนทางในการเยียวยาความรู้สึกพวกอกหักจากเก้าอี้ใหญ่ก่อนหน้า ขณะเดียวกันก็จะมีการจัดสรรปันส่วนให้กับส.ส.สอบตกอีกจำนวนหนึ่งด้วย

ที่น่าสนใจมากกว่า คงเป็นการร่วมกันร่างนโยบายของรัฐบาล ที่ไม่ได้มีเฉพาะในส่วนของพรรคสืบทอดอำนาจ พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งคนรวมทั้งนโยบายสำคัญของพรรค มาให้พรรคแกนนำพิจารณาและต้องร่วมกันคัดสรรนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ เรื่องใหญ่คือปัญหาปากท้องที่ต้องทำให้ได้และทำทันที ซึ่งนั่นจะเป็นบทพิสูจน์ว่า สิ่งที่ไปขายฝันกันไว้ทำได้จริงหรือแค่โครงการที่หลอกลวงประชาชน

แค่ 2 เรื่องสำคัญคือ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกับค่าแรงขั้นต่ำ ก็น่าจะเป็นปัจจัยชี้วัดแล้วว่า รัฐบาลสืบทอดอำนาจจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ เพดานค่าจ้างที่หาเสียงกันไว้ต่ำสุดคือ 400 บาทต่อวันสูงสุดคือ 425 บาท ถ้าทำไม่ได้ จะใช้อะไรมาอ้างหรือถ้าจะทำบรรดานายจ้างทั้งหลายเออออห่อหมกด้วยหรือไม่ เท่านี้ก็พอจะเห็นความเป็นไปได้ว่าประชานิยมเปลี่ยนชื่อที่เที่ยวโพนทะนากันนั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน

Back to top button