พาราสาวะถี

เห็นโฉมหน้าครม.ประยุทธ์ 2/1 กันแล้ว ยังไม่ต้องถามเรื่องว่า “ยี้” หรือ “ว้าว” แต่ไปดูเหตุผลก่อนว่าทำไมแกนนำกลุ่มสามมิตรถึงได้ออกอาการโวกวายกันสุดฤทธิ์ก่อนที่จะถูกขู่และยอมสยบไปแบบจำใจ ก็เพราะคนสำคัญในสายกปปส.พรรคเดียวกันที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาได้ดิบได้ดีทั้ง 2 ราย ณัฐพล ทีปสุวรรณ นั่งว่าการศึกษาธิการ ขณะที่ พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ขึ้นลิฟต์ไปว่าการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นี่ยังไม่นับรวม “หม่อมเต่า” หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล จากรวมพลังประชาชาติไทยที่ได้ว่าการแรงงาน


อรชุน

เห็นโฉมหน้าครม.ประยุทธ์ 2/1 กันแล้ว ยังไม่ต้องถามเรื่องว่า “ยี้” หรือ “ว้าว” แต่ไปดูเหตุผลก่อนว่าทำไมแกนนำกลุ่มสามมิตรถึงได้ออกอาการโวกวายกันสุดฤทธิ์ก่อนที่จะถูกขู่และยอมสยบไปแบบจำใจ ก็เพราะคนสำคัญในสายกปปส.พรรคเดียวกันที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาได้ดิบได้ดีทั้ง 2 ราย ณัฐพล ทีปสุวรรณ นั่งว่าการศึกษาธิการ ขณะที่ พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ขึ้นลิฟต์ไปว่าการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นี่ยังไม่นับรวม “หม่อมเต่า” หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล จากรวมพลังประชาชาติไทยที่ได้ว่าการแรงงาน

ส่วนสี่กุมารก็เป็นไปตามคาด เห็นรายชื่อตามนี้แล้ว ต้องบอกว่าการใส่เกียร์ถอยของสามมิตรเที่ยวนี้ ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่รอเวลาเอาคืน ฝ่ายต่อรองก็ต้องยื่นปัจจัยให้จนเป็นที่พอใจ แต่จุดนี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงเครือข่ายวางแผนการสร้างวิกฤตก่อนเกิดคสช. เพราะการปูนบำเหน็จกันชนิดพรรคเดียวกันแต่คนละพวกได้แต่มองตาปริบ ๆ นั้น เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจน

ขณะที่โควตาภายในพรรคสืบทอดอำนาจที่หายไป ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นในส่วนของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ พี่รอง สองรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายและเศรษฐกิจ รัฐมนตรีต่างประเทศของ ดอน ปรมัตถ์วินัย และ รัฐมนตรีช่วยกลาโหมของ “บิ๊กช้าง” พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ด้วยเหตุนี้เมื่อหารเฉลี่ยมาแล้ว ข้าวนอกนาอย่างสามมิตรจึงต้องจำใจยอมรับการตัดสินใจพร้อมคำขู่ของท่านผู้นำสืบทอดอำนาจ ส่วนจะเรียกว่าเป็นการเสียค่าโง่หรือไม่ก็แล้วแต่จะคิด

ไม่เพียงเท่านั้น ความเขี้ยวในการจัดโผครม.รอบนี้ของอำนาจสืบทอดคือการยัดรัฐมนตรีช่วยไปในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึง 3 คน หมายความว่าไม่ยอมปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลได้ไปละเลงหรือสร้างคะแนนนิยมฝ่ายเดียว ยิ่งมีชื่อ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า มือประสานสิบทิศหรือล็อบบี้ยิสต์ของพรรคไปนั่งตรงนั้นด้วย ยิ่งเห็นเจตนาที่ชัดเจน เป็นไปทั้งเพื่อประสานผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมซึ่งอาจจะน้อยกว่า การไปนั่งเพื่อสร้างผลงานให้กับพรรคสืบทอดอำนาจเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จากที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้าว่าจะมีมากกว่าหนึ่ง สุดท้ายก็มีเพียง เทวัญ ลิปตพัลลภ จากชาติพัฒนาเพียงคนเดียว ถือเป็นการตัดสินใจที่ง่ายและเพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมจากพรรคร่วมอื่น ๆ ตามมา สำหรับเก้าอี้รัฐมนตรีที่เหลือก็ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมาย ทุกอย่างเป็นไปตามคาดและถือเป็นการจัดสรรปันส่วนโควตาที่ขอแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน โดยมีภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่ท่านผู้นำต้องรักษาไว้ในระยะเริ่มต้น

ด้านผลงานคงต้องดูจากนโยบายที่จะคลอดมาเป็นหลัก สามารถประสานเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างพรรคสืบทอดอำนาจกับพรรคร่วมสำคัญอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยได้หรือไม่ หากสิ่งที่หาเสียงไว้อันถือเป็นนโยบายสำคัญของพรรคหนึ่งพรรคใดหลุดไปจากสิ่งที่จะทำ นั่นจะเป็นสัญญาณเริ่มแรกของรอยปริแยก ทำให้เห็นว่ามีการช่วงชิงความได้เปรียบเพื่อซื้อใจประชาชน ขณะเดียวกันก็จะเป็นการพิสูจน์อีกหนว่าพวกดีแต่พูดจะทำได้อย่างที่พยายามแอ็กชันสร้างภาพกันเวลานี้หรือไม่

ประเด็นที่น่าสนใจในส่วนของนโยบายจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ภูมิใจไทยคงไม่ใช่ปัญหาสำคัญ เพราะเน้นหนักไปที่กัญชาเสรีและทำแกร็บแท็กซี่ให้ถูกกฎหมาย จุดใหญ่ใจความคือประชาธิปัตย์ กับเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะกองเชียร์ที่ไม่เห็นด้วยกับการร่วมขบวนการสืบทอดอำนาจนั้น ยอมหลับตาข้างหนึ่งด้วยข้ออ้างนี้ ถ้าทำไม่สำเร็จก็เท่ากับเป็นการโป้ปดมดเท็จ หลอกประชาชนเพื่อหวังเพียงแค่ได้มีอำนาจในการร่วมรัฐบาลเท่านั้น

ฟังคำชี้แจงจาก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวขบวนพรรคเก่าแก่แล้ว อาจเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กล่าวคือ การแก้ไขจะเริ่มต้นที่หมวดของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ให้อนาคตทำได้ง่ายขึ้น เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดเงื่อนไขให้แก้ยาก นอกจากต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วมรัฐสภาแล้ว ยังต้องใช้เสียงฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 รวมทั้งต้องทำประชามติด้วย

สิ่งที่จะต้องไปโน้มน้าวพรรคแกนนำสืบทอดอำนาจก็คือ แนวทางนี้ที่จะปรับแก้ให้เหลือเพียงแค่ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาเท่านั้น เหมือนรัฐธรรมนูญในอดีต จะสามารถทำได้หรือไม่ ข้อเสนอนี้เป็นการปลดกุญแจล็อกสำคัญเปิดประตูสู่ประชาธิปไตยตามที่จุรินทร์ว่า พร้อมขีดเส้นด้วยเสร็จสรรพว่าจะเสนอให้กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำภายใน 1 ปี และมั่นใจว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เนื่องจากเป็นการแก้ไขในหมวดที่ไม่กระทบผู้ใด

คำถามคือ ไม่กระทบใครจริงหรือ เอาแค่ส.ว.ลากตั้งที่ช่วง 5 ปีแรกตามบทเฉพาะกาลสามารถร่วมเลือกนายกฯได้นั้นจะยอมกันหรือไม่ ไม่ต่างจากองคาพยพของเผด็จการ คงต้องรอพิสูจน์ว่าแนวคิดดีของพรรคเก่าแก่จะสามารถนำไปสู่ภาคปฏิบัติได้อย่างจริงจัง เพื่อพิสูจน์ความจริงใจได้มากน้อยขนาดไหน ส่วน 2 นโยบายสำคัญเรื่องประกันราคาสินค้าเกษตรและเป็นรัฐบาลที่ซื่อสัตย์ สุจริตนั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ว่าอย่างหลังมันไม่ได้อยู่ที่รัฐมนตรีของพรรคเก่าแก่เพียงอย่างเดียว

ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานั้น กระบวนการตรวจสอบถูกปิดตาย องค์กรที่มีหน้าที่ก็ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ ข้อเท็จจริงอย่างที่เห็นกัน หลายเรื่องคนสงสัยแต่ทำอะไรไม่ได้ คงต้องปล่อยให้มันผ่านไปเช่นนั้น แล้วรอให้กาลเวลาที่เมื่อถึงจังหวะเหมาะสม กฎแห่งกรรมคงจะทำงาน คำถามที่ตามมาหากพบความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น คนของประชาธิปัตย์จะกล้าตรวจสอบและเล่นงานพวกเดียวกันหรือไม่ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของท่านผู้นำคงจะรู้สึกอบอุ่นและสบายใจกว่าใครเพื่อน เนื่องจากได้พี่ใหญ่พี่รองมากันครบ และรัฐมนตรีหน้าเดิมก็อยู่กันเกือบครึ่งค่อนของทั้งคณะ หรือบางทีอาจจะคุ้นกับคนต่างพรรคจำนวนไม่น้อยเสียด้วยซ้ำไป เพราะสายสัมพันธ์ที่ได้สืบสานกันมาตั้งแต่จะสถาปนาตัวเองเป็นใหญ่ เพียงแต่ว่าโจทย์รอบนี้จะไม่มีปมเรื่องความมั่นคง ไม่มีประเด็นเรื่องพวกต่อต้านรัฐประหารหรือม็อบป่วนเมืองมาให้เป็นข้ออ้างใด ๆ อีกแล้ว ถ้าไร้ผลงานประชาชนสามารถที่จะลุกฮือขับไล่ให้พ้นเก้าอี้ได้ทุกเมื่อ

Back to top button