ลุ้นหุ้นยางพารารับลูก! ครม.ไฟเขียวทำถนน     

ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราครบวงจรมีโอกาสจะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการอนุมัติงบประมาณในการจัดทำถนน 400 กว่าเส้นใน 76 จังหวัด ใช้ยางพาราเกือบ 20,000 ตัน


เส้นทางนักลงทุน

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีการแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการแก้ไขปัญหาราคายางพารา ว่าได้อนุมัติงบประมาณในการจัดทำถนน 400 กว่าเส้นใน 76 จังหวัด โดยใช้ยางพาราเกือบ 20,000 ตัน ซึ่งจะเร่งดำเนินการในปีนี้และปีหน้า

ประกอบกับได้เน้นย้ำให้ส่วนราชการนำส่วนยางพารามาใช้ในการบริโภคให้มากขึ้น เช่น ทำหมอนยาง ที่นอนยาง ใช้ในหน่วยทหาร หรือเรือนจำ เพราะใช้ได้นานขึ้น รวมถึงการนำมาใช้ในสนามกีฬา การซ่อม ปรับปรุงต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการใช้ยางในประเทศ และนโยบายต่อไปเรื่องการส่งเสริมให้แปรรูปยางในพื้นที่ อาจจะมีโรงงานในการแปรรูปยางแผ่น เพิ่มมูลค่า

นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน ต้องดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหน สิ่งที่ได้แก้ไปบ้างแล้วคือการใช้ในน้ำมันบี20 ที่วันนี้มีการใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีผลต่อเรื่องการผลิตเพิ่มเติม เนื่องจากปริมาณปั๊มน้ำมันที่ให้บริการประมาณ 900 กว่าปั๊ม สามารถให้บริการทั่วไปได้

ส่วนการยกระดับราคาน้ำมันปาล์มของประเทศ ขณะนี้ราคารับซื้อผลผลิตสูงกว่าประเทศรอบบ้าน วันนี้ราคากิโลกรัมละ 19 บาท ประเทศเพื่อนบ้าน 15 บาท

ทั้งนี้มองว่าจากที่นายกฯ เดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องยางพาราที่ราคาตกต่ำ อาจส่งผลบวกต่อกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างกลุ่มทำธุรกิจยางพาราเช่นกัน

สำหรับหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ทางอ้อม ด้วยการรับลูกจาก ครม.ไฟเขียว แก้ไขปัญหาราคายางพาราโดยการนำยางไปทำถนน อาทิ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA , บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER  และ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB เป็นต้น

เนื่องจาก บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยางธรรมชาติแบบครบวงจร ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำการทำสวนยางพาราในประเทศ ธุรกิจกลางน้ำการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติ ทั้งยางแท่ง (TSR) ยางแผ่นรมควัน (RSS) และน้ำยางข้น (Concentrated Latex)

นอกเหนือจากคาดการณ์ว่าจะได้รับประโยชน์ทางอ้อมในอนาคตจากการที่ทางรัฐจะนำน้ำยางไปทำถนนแล้ว ทางหลักทรัพย์ STA ก็จะยังได้รับประโยชน์จากการที่นำบริษัทย่อย “ศรีตรังโกลฟส์” เข้าเทรดในตลาดหุ้นราวไตรมาส 3/2563 เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจของ STGT ในอนาคต และ/หรือชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ จะช่วยลดภาระของบริษัทในการสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และทางอุตสาหกรรมของบริษัทในระยะยาว เนื่องจาก STGT จะสามารถระดมทุนได้เองผ่านช่องทางตลาดทุน

เช่นเดียวกัน บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง

นอกเหนือจากจะได้รับประโยชน์จากนำยางพาราไปทำถนนแล้ว ทางหลักทรัพย์ NER คงรับปัจจัยบวกต่อเนื่องเพราะทิศทางกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 2/2562 จะเติบโตได้ค่อนข้างดี ซึ่งได้รับผลดีจากสต๊อกต้นทุนยางที่ต่ำกว่าตลาด ขณะที่ราคายางปรับเพิ่มขึ้นเป็น 60 บาท/กิโลกรัม หรือเพิ่มขึ้น 8% โดยราคายางปรับตัวขึ้นตามตลาดซื้อขายล่วงหน้าต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการใช้ยางในญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น และการเก็งกำไรจากกองทุนจีน

ประกอบกับการยางแห่งประเทศไทยได้ใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยเข้าไปประมูลยางเพื่อดูดซับอุปทานส่วนเกินในตลาดกลาง รวมถึงการใช้ยางทำถนน และที่เก็บน้ำ ทำให้อุปทานส่วนเกินลดลง รวมถึง NER ยังสามารถใช้กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามา 60,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นราว 26% ซึ่งจะส่งผลให้ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

เหมือนกับ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ ธุรกิจปลูกสวนยางพาราในประเทศไทย ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบจากยางพารา ได้แก่ น้ำยางข้น ยางแท่ง ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืด และที่นอนยางพารา นอกจากนี้บริษัทยังประกอบธุรกิจนายหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย

ดังนั้น เชื่อว่า 3 บริษัทที่เป็นทั้งผู้มีธุรกิจปลูกยางพารา และเป็นคนกลางรับผลผลิตจากชาวสวนมาก็จะทำให้มีผลผลิตค่อนข้างมาก ทั้งนี้จะทำให้มีโอกาสเป็นตัวกลางในการนำยางพาราสู่การนำไปทำถนนตามมาตรการของภาครัฐที่กำหนดเร่งดำเนินการในปีนี้และปีหน้า

จากประเด็นข้างต้นคาดว่าผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับยางพาราครบวงจรอย่าง 3 หลักทรัพย์จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมเป็นได้!!!

Back to top button