จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนส.ค.เคาะ 15 หุ้นเน้นกำไรแกร่ง-ปันผลดี-รับอานิสงส์มาตรการรัฐ

จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนส.ค.เคาะ 15 หุ้นเน้นกำไรแกร่ง-ปันผลดี-รับอานิสงส์มาตรการรัฐ


เข้าสู่การลงทุนเดือนสิงหาคม ปี 2562 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนพร้อมปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนมานำเสนอ โดยอาศัยบทวิเคราะห์จาก 4 โบรกเกอร์ชั้นนำของไทยนำโดย บล.เคจีไอ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.กรุงศรี และบล.ทรีนีตี้

โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าการลงทุนในเดือนส.ค. คาด SET Index จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,680-1,750 จุด โดยมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนหลังจากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการลดดอกเบี้ยครั้งถัดไป และยังมีความเสี่ยงจากแรงขาย Sell on fact หลังการประกาศงบไตรมาส 2/62 ของบริษัทจดทะเบียนซึ่งส่วนใหญ่คาดผลกำไรจะออกมาชะลอตัว

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง, ปันผลดี และได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ CPALL,MAJOR,MBK,KKP,LH,TOP, AMANAH, RATCH AMATA, BCH,CHG, MINT,CPF, SAPPE, SISB ซึ่งระบุไว้ในบทวิเคราะห์ดังนี้

บล.กรุงศรี  ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มเดือน ส.ค. คาด SET Index จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,680-1,750 จุด โดยมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนหลังจากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการลดดอกเบี้ยครั้งถัดไป และยังมีความเสี่ยงจากแรงขาย Sell on fact หลังการประกาศงบไตรมาส 2/62 ของบริษัทจดทะเบียนซึ่งส่วนใหญ่คาดผลกำไรจะออกมาชะลอตัว

อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งในช่วงปลายเดือน จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเป็นรูปธรรมมากขึ้น และเชื่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของสหรัฐจะยังไม่ดีทำให้ตลาดจะกลับมาคาดหวังถึงการลดดอกเบี้ยของเฟด อีกครั้งในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.ซึ่งจะหนุนให้ Fund Flow จากต่างชาติกลับมาไหลเข้า

กลยุทธ์ยังเป็น Selective buy เน้นกลุ่มธุรกิจที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วง High season (โรงพยาบาลและส่งออกอาหาร), ได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ (ค้าปลีก,นิคมฯ และ มีปันผลระหว่างกาล Top pick เดือน ส.ค. AMATA, BCH, CHG, CPALL, และ CPF

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองลบเล็กน้อยกับแนวโน้ม SET Index เดือนสิงหาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งแรกของเดือน ซึ่งเมื่อพิจารณาโมเดลการประเมินมูลค่าหุ้นแบบ top-down ของเราก็พบว่ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในช่วง P/E ปี 2562 ที่ 16.0x ซึ่งหมายถึงระดับดัชนี SET ที่ 1,670 จุด เนื่องจาก i) มองว่าตลาดการเงินโลกในปัจจุบันคาดหวังมากเกินไปว่าจะมีการลดดอกเบี้ยทั่วโลก ซึ่งมีโอกาสผิดหวังได้ง่าย

ii) yield curve ของไทยขยับลดลงมาแล้วเพื่อสะท้อนถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลง, เงินบาทที่แข็งขึ้น และการปรับเพิ่มแนวโน้มเรตติ้งของ Fitch และ Moody’s เพราะฉะนั้น จึงมองว่าหาก yield ลดลงอีก ก็จะยิ่งทำให้ earnings yield gap ถ่างกว้างขึ้นซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น

iii) GDP ของไทย และผลประกอบการงวดไตรมาส 2/62 ดูไม่ดีเท่าไหร่ และยังมีโอกาสที่จะมีการปรับลดประมาณการ EPS ลงอีก แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าจะมีการลดดอกเบี้ยทั่วโลกในปี 2563 และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในระดับปานกลาง ซึ่งทำให้เชื่อว่ายังมี upside ถึงเป้า SET Index กลางปี 2563 อีก เพราะฉะนั้นหากตลาดปรับลดลงในเดือนสิงหาคมก็จะเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะกลางเข้าช้อนซื้อได้

โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะปรับฐานต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม ดังนั้นแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ และหันมาเลือกหุ้นแบบ bottom-up โดยเฉพาะกลุ่มที่กำไรมีแนวโน้มแข็งแกร่งในไตรมาส 2/62 และน่าจะจ่ายปันผลดีเลือกธีมการลงทุนเอาไว้ 4 ธีมในเดือนนี้ ได้แก่ กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะเน้นที่การบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว โดยในกลุ่มนี้เลือก CPALL*

กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่กำไรแข็งแกร่งในไตรมาส 2/62 อย่างเช่น MAJOR* ซึ่งจะได้อานิสงส์จากโปรแกรมหนังเด็ดที่ลงโรงฉายติดต่อกันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และMBK* ซึ่งจะถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดน้อยลง

กลุ่มที่สามคือกลุ่มที่จ่ายปันผลดี และราคาหุ้นผันผวนต่ำอย่างเช่น KKP* และ LH* ส่วนกลุ่มสุดท้าย เลือก TOP* ในฐานะที่เป็นโรงกลั่นที่จะผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญใน 2H62

 

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมิน SET Index ในเดือนสิงหาคมแกว่งตัวในกรอบแนวต้านสำคัญที่ 1750 จุด ส่วนแนวรับแรกประเมินที่ 1690 จุด และแนวรับสำคัญประเมินที่ 1660 จุด ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำรอจังหวะการเพิ่มน้ำหนักหุ้นที่บริเวณกรอบแนวรับดังกล่าว

สำหรับธีมการลงทุนที่น่าสนใจที่สุดประจำเดือนส.ค.นี้มองไปยังธีม Bond yield ในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อหุ้น 3 กลุ่มได้แก่

กลุ่มธุรกิจไฟแนนซ์จากต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง เลือก S11 และ THANI เป็น Top pick ของกลุ่มเช่นเดิม ส่วนตัวที่น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไร ได้แก่ AMANAH

กลุ่ม Property fund, REIT, Infrastructure fund ที่หลังจากราคาปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ Dividend yield gap ล่าสุดยืนเหนือค่าเฉลี่ยได้อย่างแข็งแกร่ง นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกรออยู่ในช่วงปลายเดือนนี้ที่จะเริ่มเห็นการเก็บภาษีจากกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งอาจทำให้มีเม็ดเงินบางส่วน Switch เข้าสู่ตราสารทดแทนเหล่านี้มากขึ้น

หุ้นปันผลสูง ซึ่งจากการวิเคราะห์เชิงปริมาณของเราพบว่า ตัวที่น่าสนใจที่สุดในเดือนนี้ได้แก่ RATCH เนื่องจากมีความน่าจะเป็นทางสถิติสูงถึง 83% ว่าจะให้ผลตอบแทน Total return ในเดือนส.ค.นี้เป็นบวก

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มุมมองตลาดหุ้นเดือน ส.ค. พักฐานต่อแต่ไม่รุนแรง มองพักฐานเพราะผลประกอบการไตรมาส2/62 โดยรวมไม่ดีทั้งเป็น low season ของหลายธุรกิจและยังมีการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตาม กม.แรงงานใหม่ และ sell on fact หลังเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยอีกในอนาคตอย่างที่ตลาดหวัง หมดประเด็นลุ้น

ส่วนการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบหน้าและจะกลับมาเจรจาใหม่เดือน ก.ย. แต่การจ่ายเงินปันผลของหลายบริษัทและมาตรการกระตุ้นศก.ของรัฐบาลช่วยประคองไม่ให้ตลาดร่วงแรง หุ้นเดือน ส.ค. เลือกที่ผลประกอบการแกร่งได้แก่ AMATA, BCH, MINT, SAPPE, SISB 

Back to top button