พาราสาวะถี

แปลกแต่จริงบ้านนี้เมืองนี้จะเชื่อใครดี วันก่อน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกให้จบประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบได้แล้ว และอย่าเล่นการเมืองจนประเทศปั่นป่วน แต่วันวาน พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พูดถึงเรื่องระเบิดป่วนเมือง ซึ่งแม้จะมีการออกตัวว่าให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐาน แต่ผบ.ทบ.ก็ปักใจเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดิม พวกฝ่ายการเมืองตรงข้ามรัฐบาล ด้วยการยืนยันว่าพวกก่อเหตุมีความคิดที่ไม่ยอมรับและไม่เคารพกติกา ตอนนี้ขอให้ไปเล่นกันในสภาฯ


อรชุน

แปลกแต่จริงบ้านนี้เมืองนี้จะเชื่อใครดี วันก่อน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกให้จบประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบได้แล้ว และอย่าเล่นการเมืองจนประเทศปั่นป่วน แต่วันวาน พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พูดถึงเรื่องระเบิดป่วนเมือง ซึ่งแม้จะมีการออกตัวว่าให้รอเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมหลักฐาน แต่ผบ.ทบ.ก็ปักใจเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดิม พวกฝ่ายการเมืองตรงข้ามรัฐบาล ด้วยการยืนยันว่าพวกก่อเหตุมีความคิดที่ไม่ยอมรับและไม่เคารพกติกา ตอนนี้ขอให้ไปเล่นกันในสภาฯ

ประโยคหลังนี้มันส่อถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้พูดได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าเป็นพวกเดียวกันคงไม่ระบุว่าไม่ยอมรับและไม่เคารพกติกา คำถามก็คือ แล้วกรณีพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้ท่านผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจรับผิดชอบหรือแก้ไขต่อการถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ก็เป็นการเดินตามกระบวนการของรัฐสภา ทำไมท่านผู้นำถึงบอกให้จบเหมือนไม่เคารพกฎและกติกา ที่ตัวเองพยายามอ้างนักหนา และวันนี้ผบ.ทบ.จะมาอ้างว่าไม่เป็นนักการเมืองไม่ได้ เพราะหมวกอีกใบคือส.ว.โดยตำแหน่ง

การที่ผู้นำกองทัพซึ่งคุมขุมกำลังสามารถรัฐประหารก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในประเทศได้อย่างฉับพลันทันที ไปมีตำแหน่งทางการเมืองในสภาอย่างที่ กษิต ภิรมย์ ว่าไว้ไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน คำถามที่สำคัญคือการเมืองที่ไล่ไปเล่นในสภานั้นเป็นการเมืองที่ใสสะอาด คนที่ได้ตำแหน่งมา ไม่ได้ใช่เล่ห์กลหรือออกแบบกลไกข้อกฎหมายเพื่อให้ตัวเองกุมความได้เปรียบทุกอย่างใช่หรือไม่ ในฐานะส.ว.ลากตั้งน่าจะให้คำตอบเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

วันนี้ถ้าฟังผบ.ทบ.และฟังคำให้สัมภาษณ์ของ พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพบว่ามีความโน้มเอียงของการก่อเหตุระเบิดป่วนกรุงไปในทิศทางอันเกี่ยวพันกับการเมือง ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นคนทั่วไปรู้คำตอบกันดี ส่วนที่ประสานเสียงกันว่ารัฐบาลจะทำเองเพื่อให้ภาพลักษณ์เสียหายทำไม ตรงนี้คงไม่มีใครไปคาดคั้นได้ ย้ำอีกครั้งว่ารอให้จับผู้ก่อเหตุให้ได้ทั้งหมดเสียก่อน แล้วค่อยแถลงข่าวทีเดียวไม่น่าจะเสียหาย

ฟังคำอธิบายของผบ.ทบ.เรื่องฝีมือพวกกลุ่มเดิม ๆ ว่าเป็นพวกมาสเตอร์มายหรือผู้อยู่บงการ มีความคิดที่จะก่อเหตุในทุกรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการทำระเบิดหรือการทำข่าวปลอมก็ถือเป็นการบ่อนทำลายประเทศอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน เอ้า!ถ้ารู้ถึงขนาดนั้นทำไมไม่กวาดล้าง จับกุมเสียให้สิ้นซาก ยิ่งในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมาที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ขณะเดียวกันกับกรณีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำไมจึงจับมือใครดมไม่ได้ หรือจับได้ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับกลุ่มเดิมที่ท่านว่าตรงไหน

การยกเอาประเด็นเรื่องล้มประชุมอาเซียนที่พัทยาเมื่อปี 2552 มาเป็นมาหลักยันกับเหตุผลของตัวเองก็ดีเหมือนกัน คนจำนวนไม่น้อยก็อยากถามว่า ในฐานะที่เป็นส.ว.ซึ่งจะต้องตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผบ.ทบ.ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการที่อัยการปล่อยให้คดีหมดอายุความ โดยหนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญรอดคดีไปด้วยและยังลอยนวล ลอยหน้าลอยตาอยู่ในพรรคแกนนำรัฐบล เช่นนี้จะอธิบายอย่างไรกับสังคม

การเล่นเกมการเมืองนั้นนับตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ต้องถามว่า ใคร พวกไหน กันแน่ที่วางเกมการเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องในการที่จะได้เสวยสุขในอำนาจกันต่อไป อภินิหารกฎหมายที่ไม่เคยพบเคยเห็นก็ถูกนำมาใช้ พลังดูดนักการเมืองที่ตัวเองเคยกล่าวหาว่าชั่วว่าเลวก็ถูกใช้อย่างไม่รู้สึกละอาย ต่าง ๆ เหล่านี้น่าจะช่วยไขข้อกระจ่างหรือเตือนสติผบ.ทบ.ที่ไล่ให้ไปเล่นการเมืองกันในสภาได้เป็นอย่างดีว่า หน้าไหนกันที่เล่นการเมืองนอกกติกามาโดยตลอด

ยืนยันหนักแน่นจาก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ การที่ท่านผู้นำมานั่งหัวโต๊ะประชุมครม.เศรษฐกิจ ไม่เกี่ยบกับว่ามีความรู้ความเชี่ยวชาญหรือไม่ แต่ถือเป็นตัวจักรสำคัญที่สามารถตัดสินใจ เคาะโต๊ะได้ทันที พร้อมกับระบุไม่มีเรื่องใดเดินหน้าได้หากนายกฯ ไม่สนับสนุน อยู่กับเผด็จการจนเคยตัวไปหรือเปล่า เข้าใจได้สมัยรัฐบาลรัฐประหาร ทุกอย่างต้องอยู่ที่ท่านผู้นำแต่เพียงผู้เดียว แต่นี่รัฐบาลผ่านเลือกตั้งมาแล้ว ทุกอย่างยังจะต้องขึ้นอยู่กับคน ๆ เดียวอีกหรือ

นี่หรือเปล่า ที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลย้อนถามบรรดาลิ่วล้อที่ปกป้องผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทั้งหลายเวลาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ประมาณว่าประยุทธ์คือประเทศไทย ไม่รู้ว่าบรรดานักการเมืองที่ไปร่วงสังฆกรรม โดยเฉพาะพวกที่กลืนน้ำลายเรื่องต่อต้านการสืบทอดอำนาจ จะมีความรู้สึกเดียวกันกับสมคิด หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันไปแล้วหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นจริงต้องบอกว่าบ้านเมืองอาการน่าเป็นห่วง

ประชุมครม.วันวาน พรรคสืบทอดอำนาจเสนอชื่อบุคคลเป็นเลขานุการรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว ส่วนที่ปรึกษา ผู้ช่วยรัฐมนตรีรอเขย่าและชงรายชื่อกันอีกรอบสัปดาห์หน้า ที่น่าสนใจมากกว่าคงเป็นประเด็นส.ส.ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจะต้องลาออกหรือไม่ ได้คำตอบจาก พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ว่า 5 รัฐมนตรีของพลังประชารัฐที่เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ต้องลาออก ด้วยเชื่อมั่นว่าจะสามารถแบ่งเวลาการบริหารราชการแผ่นดินและประชุมสภาฯ ได้อย่างลงตัว

ความจริงบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้าเป็นรัฐมนตรีจากแกนนำกปปส.อาจพร้อมที่จะไขก๊อกเพราะยังไงคงได้รับการปูนบำเหน็จกันจนหนำใจแม้จะพ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ในส่วนของกลุ่มสามมิตรไม่มีใครรับประกันได้ว่าถ้าหลุดจากเสนาบดีจริงสถานะของคนเหล่านั้นจะ “ขาลอย” เหมือนสี่กุมาร ที่เข้ามาบริหารจัดการพรรคก่อนที่จะมีตำแหน่งแห่งหนในปัจจุบันหรือไม่ ขณะเดียวกันการมีเก้าอี้เสนาบดีและเป็นส.ส.ด้วยมันช่วยได้อย่างมากในการที่จะไปเจรจากับส.ส.ด้วยกันโดยเฉพาะพวกฝ่ายตรงข้าม นี่คือความล้ำลึก

ด้านพรรคร่วมรัฐบาลภูมิใจไทยนั้นไร้ปัญหามาตั้งแต่ต้น ที่ยังเคลียร์กันไม่จบคือประชาธิปัตย์ เพราะเกิดเสียงวิจารณ์กันเซ็งแซ่บุคคลที่จะมีการเสนอชื่อเป็นข้าราชการการเมืองนั้น เป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดและผลักดันสนับสนุนให้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคนั่นเอง จนเกรงกันว่าหนนี้อู๊ดด้าอาจจะตอบแทนบุญคุณที่ได้รับและแก้ปัญหาตัวเองจบ แต่ที่จะเป็นปัญหาใหม่และใหญ่กว่าคือคลื่นใต้น้ำที่ไม่รู้ว่าจะหนักหน่วง รุนแรงขนาดไหน

Back to top button