พาราสาวะถี

ชัดเจนว่าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อความผิดพลาดในการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ไม่ใช่การลาออกจากตำแหน่งตามที่มีการคาดหมายภายหลังจากที่เจ้าตัวแสดงท่าทีขึงขังต่อเรื่องดังกล่าว เมื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจย้ำหนักแน่นว่า ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่หนีหายไปไหน


อรชุน

ชัดเจนว่าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อความผิดพลาดในการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ไม่ใช่การลาออกจากตำแหน่งตามที่มีการคาดหมายภายหลังจากที่เจ้าตัวแสดงท่าทีขึงขังต่อเรื่องดังกล่าว เมื่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจย้ำหนักแน่นว่า ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่หนีหายไปไหน

ลำพังคำยืนยันจากคนที่ประกาศจะแสดงความรับผิดชอบ หากยังไม่หนักแน่นพอ พี่ใหญ่ของน้องเล็ก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ช่วยการันตีอีกแรง “ที่บอกว่าโอ้ยนายกฯ จะลาออก อย่างโน้นอย่างนี้ กังวลกันไป คิดกันไปเอง ท่านไม่ลาออกหรอกและเชื่อว่าสุดท้ายแล้วไม่น่าจะมีอะไร” เช่นเดียวกับ พรเพชร วิชิตชลชัย มือกฎหมายที่อดีตหัวหน้าคสช.ให้ความไว้วางใจก็พูดหนักแน่น ยังไม่เห็นมีสัญญาณว่านายกฯ จะถอดใจลาออกเพื่อรับผิดชอบกรณีนี้

แค่สองเสียงนี้ก็น่าจะเพียงพอต่อแนวทางการรับผิดชอบเพียงคนเดียวของพลเอกประยุทธ์นั้น ไม่ใช่การไขก๊อกเพื่อจบปัญหา แต่ว่าจะเลือกแบบไหนต้องติดตามกันต่อไป เพราะในรายของพรเพชรก็ถูกมองกันว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งมือกฎหมายที่อดีตหัวหน้าคสช.จะปรึกษา หากเป็นไปอย่างที่ วิษณุ เครืองาม อ้างว่านายกฯ ไม่ได้หารือประเด็นนี้กับตน ซึ่งคงจะหาคนส่วนใหญ่เชื่อตามที่เนติบริกรพูดยาก เพียงแต่ว่าเวลานี้ผู้ที่ได้ชื่อว่าแม่นในข้อกฎหมาย อธิบายทุกอย่างได้แบบไร้คำถามต่อ แต่กรณีนี้กลับเกิดภาวะน้ำท่วมปาก

ไม่ใช่เพราะมันชัดเจนในแง่ของความผิดพลาดที่เห็นกันอยู่ หนังสือที่วิษณุเคยเขียนไว้เมื่อ 8 ปีก่อนชื่อว่า หลังม่านการเมือง” ที่เกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง ก็เป็นหลักฐานแน่นหนาว่า สิ่งที่พลเอกประยุทธ์อ้างก่อนหน้าทุกอย่างจบ ครบถ้วน การถวายสัตย์ของตนพูดครอบคลุมทั้งหมดแล้ว ใช้ไม่ได้ เพราะในรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ไม่ได้เปิดโอกาสให้มีการตัดหรือเพิ่มถ้อยคำในการถวายสัตย์แต่อย่างใด และเรื่องนี้ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป

แต่ไม่เข้าใจว่าคนอย่างวิษณุที่รู้กระบวนการ ขั้นตอนและระเบียบปฏิบัติเป็นอย่างดี ทำไมจึงไม่เอะใจ ไม่สะกิดเตือนหรือบอกกับท่านผู้นำโดยตรงนับตั้งแต่วินาทีที่ได้ทำผิดพลาด บอกไม่ทัน กลัวจะโดนดุ หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม วันนี้ความรับผิดชอบที่อดีตหัวหน้าคสช.พยายามจะทำให้เห็นภาวะผู้นำนั้น มันไม่เพียงพอ เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ประเด็นทำผิดรัฐธรรมนูญ หากมันแต่ยังเป็นเรื่องของความควรหรือมิบังควรตามมาด้วย

กรณีนี้ต้องจบแบบไร้คำถาม หากพยายามทำให้จบแบบมีข้อกังขา รัฐบาลเรือเหล็กจะล่มปากอ่าวด้วยน้ำมือของตัวเอง ยิ่งหากไปมองยังเส้นทางของฝ่ายร้องผ่านองค์กรต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือผ่านการตัดสินของศาลปกครองนั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำ แต่คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตาม ได้พิจารณาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแล้ว มันไม่สามารถมีความเห็นเป็นอย่างอื่นไปได้ แม้จะไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย แต่สำนึกสำเหนียกหรือจริยธรรมของผู้นำนั้นสำคัญและกรณีนี้ยิ่งสำคัญกว่า

ขณะที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกำลังมึนจากความผิดพลาดที่ตัวเองก่อขึ้น ซึ่งเวลานี้ไม่อยากมองว่ามีเจตนาตามที่บางส่วนฟันธงกันไปว่าเป็นความตั้งใจ อีกด้านผลงานของ 5 พรรคเล็กที่ประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระและลงมือทันทีด้วยการทำให้เสียงของรัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้านไป 1 เสียงในการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้อ 9(1) เรื่องความเป็นกลางของประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ทำให้เกิดความหวั่นไหวของพรรคแกนนำรัฐบาลทันที

ส่งระดับนำอย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน และมือประสานสิบทิศ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รุดเข้าเจรจาทันควัน เบื้องต้นตกลงกันว่าจะมอบเก้าอี้ข้าราชการการเมืองและตำแหน่งในกรรมาธิการตามที่ 10 พรรคเล็กมีความประสงค์ คงเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าจากที่เคยคิดมีบุญคุณท่วมหัวที่อภินิหารคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคเหล่านี้มีส.ส.ได้ ต้องคิดใหม่ คนเหล่านี้ไม่ใช่ของตาย และไม่ใช่ลูกน้องของอดีตหัวหน้าคสช.ที่จะสั่งซ้ายหันขวาหันได้

บทเรียนสำคัญซึ่งความจริงนักการเมืองอาวุโสในพรรคสืบทอดอำนาจน่าจะอ่านเกมขาดและเข้าใจดี ในบริบทของรัฐบาลผสมมากพรรคและมีเสียงปริ่มน้ำ ต้องหมั่นพูดคุยและจับอาการของแนวร่วมตัวเอง แม้ทั้ง 10 พรรคจะประกาศตัวก่อนหน้าว่าไม่ต่อรองเก้าอี้อันหมายถึงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ไม่ได้หมายความว่าตำแหน่งอื่น ๆไม่สนใจ อย่างที่ ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ว่า “เราไม่ต่อรองตำแหน่ง แต่ไม่ใช่ว่าไม่เอา”

แจ่มแจ้งแดงแจ๋อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรก นี่คือการเคาะกะลาแต่ว่าไม่ใช่แค่ขู่เพียงอย่างเดียว ลงมือทำทันที ภาวะปริ่มน้ำของรัฐบาลจึงต้องกุลีกุจอต่อรองยื่นหมูยื่นแมวทันควัน ส่วนที่มองว่าทำอย่างนี้ 5 พรรคเล็กจะเสียหายเอง ถามต่อว่ามันมีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้อีกหรือ การนิ่งและไม่ขยับอะไรต่างหากที่จะเป็นผลเสียหายต่อตัวพรรคและคนในพรรคมากกว่า นี่คือสัจธรรมของการเมืองไม่มีนักการเมืองคนใดหรือพรรคการเมืองไหนที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำเพื่อประชาชนแบบผู้เสียสละ โดยที่ตัวเองไม่ได้อะไรเลย

ไม่ได้ดูแคลนหรือมองไปว่าคนเหล่านั้นจะต้องกอบโกยหรือได้เงินได้ทอง ความอยากได้อีกด้านคือตำแหน่งอันแสดงถึงฐานะทางสังคม ความมีชื่อเสียง เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะนำไปต่อยอดเพื่อการอื่นได้ ปฏิบัติการณ์ไอโอที่อ้างเรื่องผลประโยชน์ชาติ ทำเพื่อประชาชน อาจใช้ได้ในสถานการณ์หนึ่ง แต่ในสถานการณ์การเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ต้องยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่เคยมีแต่ได้ต้องรู้จักแบ่งปันกันบ้าง

เห็นด้วยกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่บอกว่า “ฝ่ายค้านอิสระไม่มีมีแต่ฝ่ายค้านเรียกราคา” สิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายได้ชัด เหตุการณ์แพ้โหวตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานั่นแค่หนังตัวอย่าง ยังมีงานใหญ่ทั้งร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่จะเข้าสภาฯ ประมาณเดือนตุลาคม และก่อนหน้านั้นอาจจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรค 7 พรรคฝ่ายค้านก่อน สถานการณ์จะเดินไปถึงตรงนั้นหรือไม่ คงต้องรอดูวิธีการรับผิดชอบคนเดียวของท่านผู้นำก่อนว่าจะออกมาอย่างไร

Back to top button