สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ส.ค. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ส.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน เช่น แอปเปิล และอินเทล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,279.91 จุด เพิ่มขึ้น 372.54 จุด หรือ +1.44% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,926.32 จุด เพิ่มขึ้น 42.57 จุด หรือ +1.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,016.36 จุด เพิ่มขึ้น 152.95 จุด หรือ +1.95%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.54% ปิดที่ 372.40 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,363.07 จุด เพิ่มขึ้น 52.77 จุด หรือ +0.99% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,750.13 จุด เพิ่มขึ้น 70.45 จุด หรือ +0.60% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,250.90 จุด เพิ่มขึ้น 24.18 จุด หรือ +0.33%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) โดยนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นหลังคลายวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค.

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,250.90 จุด เพิ่มขึ้น 24.18 จุด หรือ +0.33%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 2.17 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 57.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.73 ดอลลาร์ หรือ 4.7% ปิดที่ 61.30 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันสัญญาทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,514.10  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 8.6 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 16.985 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ 859.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 20.70 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,451.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.62 เยน จากระดับ 105.27 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9760 ฟรังก์ จากระดับ 0.9689 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3221 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3244 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1173 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1219 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2053 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2077 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6793 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6753 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button