SET รูด 27 จุด เซ่น Trade war ระอุ! โบรกเน้นถือเงินสด 40%-ช้อนหุ้นปันผลความเสี่ยงต่ำ 60%

SET รูด 27 จุด เซ่น Trade war ระอุ! โบรกเน้นถือเงินสด 40%-ช้อนหุ้นปันผลความเสี่ยงต่ำ 60%


จากสถานการณ์ Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนที่รุนแรงขึ้น โดยล่าสุดจีนประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 5 – 10% วงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการเก็บภาษี 2 รอบมีผล 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. และเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ ส่วนสหรัฐตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 5% เป็น 30% วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ มีผล 1 ต.ค. และสั่งให้บริษัทสหรัฐรีบถอนตัวออกจากจีน

โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองว่าภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้(26ส.ค.62) มีมุมมองเป็นลบและว่า SET ปรับตัวลงสู่ 1,610 – 1,620 จุด เนื่องจากสถานการณ์ Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนที่รุนแรงขึ้น

ล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ 1,619.33 จุด ลบ 27.35 จุด หรือ 1.66% สูงสุดที่ 1,621.17 จุด ต่ำสุดที่ 1,618.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.67 พันล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเท

ดังนั้นทางทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลการลงทุนมากนำเสนอให้เข้ากับช่วงภาวะผันผวน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำให้เน้นถือเงินสดและลงทุนหุ้นปลอดภัยเป็นหลักดังนี้

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ช่วงต้นสัปดาห์ตลาดจะถูกกระทบจากข่าวภาษีสหรัฐฯ-จีน แนะชะลอการลงทุน ปรับเพิ่มเงินสดในมือเป็น 40% จนกว่าจะมีสัญญาณที่จะพลิกตลาด โดยหุ้นกลุ่มอีเล็คทรอนิคส์ ,ชิ้นส่วนรถยนต์ ,น้ำมัน , ปิโตรเคมี มีความเสี่ยงจากสงครามการค้าโดยตรง นักลงทุนอาจเลือกพักเงินในหุ้นที่เสี่ยงต่ำและมีธุรกิจหลักในประเทศ หรือ Domestic play ได้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้า (RATCH*, GULF, BGRIM)  โทรศัพท์ (ADVANC, INTUCH*) และกลุ่มที่เป็น high dividend yield ที่นักลงทุนใช้พักเงิน (HREIT*, EGATIF*)

อย่างไรก็ตามเน้นถือเงินสดและหุ้นปลอดภัยในช่วงวันแรกของสัปดาห์จากภาวะตลาดจะผันผวนสูง โดยหุ้นที่นำเข้าพอร์ตในสัปดาห์นี้ คือ ADVANC , HREIT* และ EGATIF* และจะปรับพอร์ตเพื่อให้เกิดความเหมาะสมในวันถัดไป

 

บล.กสิกรไทย  มุมองตลาดวันนี้(26 ส.ค.62) คาด SET Index ปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 1,630/1,615 จุด จากแรงกดดันเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนบานปลาย มองบริเวณ 1,600-1,610 จุด เป็นจุดที่น่าเข้าสะสมหุ้น เพราะคิดเป็น Earnings Yield Gap เกิน 5% คาดว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยจำกัด Downside risk รอบนี้ ขณะเดียวกันประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ใน ASEAN จะเป็น Small loser รอบนี้ เพราะจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน

มองกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนจากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน และBOI เตรียมเสนอมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ ขณะที่กลุ่ม Global plays (อิเล็กทรอนิกส์, พลังงาน, ปิโตรเคมี, โลจิสติกส์) จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่บานปลาย

กลยุทธ์การลงทุน ถือครองเงินสด 15-20% ของพอร์ท สะสมหุ้นกลุ่มที่แข็งกว่าตลาดฯ ดังนี้

1) กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ CPALL AMATA BTS ORI TFFIF

2) กลุ่มปินผลสูง JASIF LH TISCO TCAP

3) กลุ่มสื่อสารได้ประโยชน์จากการแข่งขันลดลง (รายได้เพิ่ม ต๊นทุนลด) TRUE DTAC ADVANC INTUCH

4) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก IMO 2020 TOP PRM BGC

5) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้น AOT ERW MINT CENTEL

6) ปัจจัยเฉพาะตัว CPF GUNKUL TPCH PTT JWD JAS SAWAD OSP

7) Pair trade (Long INTUCH/Short ADVANC) หลังส่วนลดต่อ NAV ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 27% เทียบค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 15%

*แนะนำ Take profit SUPEREIF, COM7 และ Cut loss PTT เพราะได้รับผลลบจากสงครามการค้าสหรัฐฯจีนที่บานปลาย และการนำ PTTOR เข้าตลาดหลักทรัพย์อาจล่าช้ากว่าคาด

Back to top button