จัดธีมลงทุนเดือนก.ย. เคาะ 22 หุ้นเด่นเน้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-งบฯ Q3 แจ่ม

จัดธีมลงทุนเดือนก.ย. เคาะ 22 หุ้นเด่นเน้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-งบฯ Q3 แจ่ม


เข้าสู่การลงทุนเดือนกันยายน ปี 2562 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนพร้อมปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนมานำเสนอ โดยอาศัยบทวิเคราะห์จาก 4 โบรกเกอร์ชั้นนำของไทยนำโดย บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.กรุงศรี,บล.เคจีไอ,และบล.ทิสโก้          

โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าการลงทุนในเดือนก.ย. คาด SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600 -1,680 จุด โดยมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อหุ้นไทยเดือน ก.ย. เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกเช่น i) ท่าทีที่อ่อนลงของสหรัฐฯ และจีนซึ่งเพิ่มโอกาสในการกลับมาเจรจาการค้า และ ii) แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมจากทั้ง Fed และ ECB น่าจะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยและหนุนสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้นเลือกกลุ่มธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วง High season (โรงพยาบาลและส่งออกอาหาร) ซึ่งงบไตรมาส 3/62 จะออกมาดี, และกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ค้าปลีก,นิคมฯ และท่องเที่ยว) อาทิ BJC,EPG,INTUCH,TCAP,AMATA,BCH,CHG,CPF,ERW,IRPC,PTTEP,TOP,KCE,MINT,BGRIM,WHAUP,AOT, BDMS,EASTW,CK,PLANB,SABINA ซึ่งระบุไว้ในบทวิเคราะห์ดังนี้

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองตลาดหุ้นเดือน ก.ย. ยังไม่พ้นเสี่ยง แกว่งกรอบกว้างขึ้น การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนและการประชุมธนาคารกลาง 4 แห่งเป็นประเด็นหลักเดือนนี้ แม้ว่าตลาดจะมีความหวังกับการเจรจาและแม้เราจะเห็นท่าทีประนีประนอมของทรัมป์บ้าง แต่ก็คาดเดาไม่ได้ ตลาดจึงยังมีความเสี่ยงสูง แม้เฟดจะลดดอกเบี้ย (บวกต่อหุ้น โภคภัณฑ์ ทองคำ) แต่ถ้าสงครามการค้ารุนแรงขึ้น อาจไม่ช่วย

ขณะที่กนง.คาดคงดอกเบี้ยแต่น่าจะปรับประมาณการศก.ลง ส่วนการเมืองในประเทศมีแรงกดดันกรณีลุ้นคำตัดสินของศาล คาดดัชนีผันผวนแกว่งกรอบกว้างขึ้น 1590-1730 จุด หุ้นแนะนำส่วนใหญ่ยังเป็น Domestic plays – BCH, BJC, EPG, INTUCH, TCAP

 

บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนวโน้มเดือน ก.ย. คาด SET Index จะผันผวนในกรอบ 1,600-1,680 จุด ครึ่งเดือนแรกจะยังผันผวนจากความเสี่ยงเดิมของเดือน ส.ค.ยังคงอยู่ อาทิ Trade war (1 ก.ย. จีนสหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบใหม่) และ กังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ตามเราคาดว่าช่วงครึ่งเดือนหลังดัชนีจะกลับมาฟื้นตัวได้ คาดหวังปัจจัยลบเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะ Trade war จีนสหรัฐน่าจะเห็นพัฒนาการทางบวกมากขึ้น, Fed เดินหน้าลดดอกเบี้ยตามคาด, ปมคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะกระจ่างขึ้น

ขณะที่นักลงทุนจะเริ่มเข้าเก็งกำไรงบไตรมาส 3/62 กลยุทธ์ยังเป็น Selective buy เน้นกลุ่มธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วง High season (โรงพยาบาลและส่งออกอาหาร) ซึ่งงบไตรมาส 3/62 จะออกมาดี, และกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ค้าปลีก,นิคมฯ และท่องเที่ยว) Top pick เดือน ก.ย. AMATA, BCH, CHG, CPF, และ ERW

 

บล.เคจีไอ กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.ย. 2562 หลังจากที่ฝ่ายวิจัยฯให้มุมมองระมัดระวังต่อ SET ในเดือนที่แล้ว มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อหุ้นไทยเดือน ก.ย. เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกเช่น i) ท่าทีที่อ่อนลงของสหรัฐฯ และจีนซึ่งเพิ่มโอกาสในการกลับมาเจรจาการค้า และ ii) แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมจากทั้ง Fed และ ECB น่าจะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยและหนุนสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม

อย่างไรก็ดีการปรับลดประมาณการ EPS ของหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาทำให้ SET Index กลับมาแพงขึ้นอย่างเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการฟื้นตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อผนวกทุกปัจจัยแล้ว

ฝ่ายวิจัยฯ จึงมองเป้าดัชนีฯ เดือนนี้เพียง 1,680 จุด และแนะนำพอร์ตหุ้นให้มีส่วนผสมของทั้งหุ้น cyclical และdefensive โดยหุ้นเด่นเดือน ก.ย. ได้แก่ IRPC*, PTTEP*, TOP*, KCE*, MINT*, BGRIM* และ WHAUP

 

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หาก SET Index ต่ำกว่าระดับ 1600 จะมีความน่าสนใจต่อการลงทุนสูง (ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจโลกไม่ถดถอย) “Earning Yield Gap”เป็นเครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้วัดความน่าสนใจของตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร โดยผ่าน 3 ตัวแปรหลัก คือ

(1) ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน (2) ระดับราคาหุ้นในตลาดปัจจุบัน และ (3) ผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร ซึ่งมักใช้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเป็นตัวแทน (10Y US Bond Yield) ด้วยปัจจัยแรกไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในระยะเวลาอันสั้น แต่สองปัจจัยหลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น จึงทำการประเมินระดับ SET Index ที่น่าสนใจตามระดับ Earning Yield Gap และการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จากการศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่า Earning Yield Gap ของตลาดหุ้นไทยที่เข้าใกล้ระดับ 4% มักจะเป็นจุดวกกลับที่ดีของราคาหุ้น สะท้อนว่าราคาหุ้นขณะนั้นถูก มีความน่าสนใจต่อการลงทุนสูง อิงจาก Earning Yield Gap ที่ระดับ 4.0% ขึ้นไป และ 10Y US Bond Yield ในปัจจุบันที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.5% จะทำให้ได้ระดับ SET Index ที่น่าสนใจต่อการลงทุนตั้งแต่ 1600 จุดลงมา

โดยสรุปมองตลาดยังมีความผันผวนสูง แต่รอลุ้นการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญในช่วงครึ่งเดือนหลัง เพราะฉะนั้น จึงแนะนำแบ่งเงินลงทุนเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกให้กระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ มีรายได้และกำไรค่อนข้างมั่นคงแนะนำ AOT, BDMS, EASTW ส่วนที่สองแนะนำเลือกลงทุนเป็นรายตัวในหุ้นที่คาดว่าจะมีปัจจัยบวกหนุนระยะสั้น แนะนำ CK, PLANB, SABINA

ดังนั้น หุ้นที่แนะนำในเดือน ก.ย. AOT, BDMS, CK, EASTW, PLANB และ SABINA ด้านแนวรับ และแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1610-30 และ 1670-90 จุด ตามลำดับ                

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button