สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 ก.ย. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 ก.ย. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) ขานรับรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ “Beige Book” ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลางและภาคธุรกิจยังคงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ แม้เผชิญกับแรงกดดันจากนโยบายการค้าของรัฐบาลก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ในฮ่องกงที่เริ่มคลายความตึงเครียด รวมทั้งดัชนีภาคบริการของจีนที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,355.47 จุด พุ่งขึ้น 237.45 จุด หรือ +0.91% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดดที่ 2,937.78 จุด เพิ่มขึ้น 31.51 จุด หรือ +1.08% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,976.88 จุด เพิ่มขึ้น 102.72 จุด หรือ +1.30%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองในอังกฤษและฮ่องกง ขณะที่ตลาดหุ้นอิตาลีทะยานขึ้นขานรับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.89% ปิดที่ 383.18 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,532.07 จุด เพิ่มขึ้น 66.00 จุด หรือ +1.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,025.04 จุด เพิ่มขึ้น 114.18 จุด หรือ +0.96% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,311.26 จุด เพิ่มขึ้น 43.07 จุด หรือ +0.59%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐสภาอังกฤษประสบความสำเร็จในการอนุมัติร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง หรือ “no-deal Brexit” และนักลงทุนยังคลายวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในฮ่องกงด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,311.26 จุด เพิ่มขึ้น 43.07 จุด หรือ +0.59%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.ของจีนที่มีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยจีนนับเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 2.32 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 56.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 2.44 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 60.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.5 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,560.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2556

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 1.61% ปิดที่ 19.547 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 28.6 ดอลลาร์ หรือ 2.99% ปิดที่ 984.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 16.90 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,552.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) หลังจากสภาสามัญชนของอังกฤษอนุมัติร่างกฎหมายเพื่อขัดขวางการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง หรือ “no-deal Brexit” ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจของอังกฤษ

เงินปอนด์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2212 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2085 ดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1032 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0966 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6798 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6760 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.40 เยน จากระดับ 105.99 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9802 ฟรังก์ จากระดับ 0.9874 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3219 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3326 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button