จะช่วยหรือวางเฉย

เลขาฯก.ล.ต. คนปัจจุบันดูไฟแรงมากตามประสาแต่เรื่องหนึ่งที่ยังไม่เคยเอ่ยถึงนั่นคือเรื่องของข้อมูลข่าวสารที่นักลงทุนควรได้รับที่โปร่งใสมากขึ้นไม่ใช่การสื่อสารแบบกำกวมทางเดียวที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนแจ้งผ่านสื่อหรือผ่านตลาดฯ


พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล

เลขาฯก.ล.ต. คนปัจจุบันดูไฟแรงมากตามประสาแต่เรื่องหนึ่งที่ยังไม่เคยเอ่ยถึงนั่นคือเรื่องของข้อมูลข่าวสารที่นักลงทุนควรได้รับที่โปร่งใสมากขึ้นไม่ใช่การสื่อสารแบบกำกวมทางเดียวที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนแจ้งผ่านสื่อหรือผ่านตลาดฯ

ปมประเด็นดังกล่าวจะบอกว่าเล็กน้อยก็ได้หรือใหญ่มากก็ได้

– กรณีบริษัทจะออกหลักทรัพย์ใหม่ขาย  IPO  ที่ตั้ง ราคาเหมาะสม” โดยไม่มีคำอธิบายชัดเจน

– กรณีแถลงข่าวหรือประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแผนธุรกิจที่ไม่เคยทำได้แถมออกจะฝันเฟื่องโดยมีนักวิเคราะห์และสื่อ ขาเชียร์” สอดประสานเป็นปี่เป็นขลุ่ย

-กรณีแจ้งข่าวผลการดำเนินงานหรือกิจกรรมแบบ พูดความจริงครึ่งเดียว” เพื่อนำทางให้นักลงทุนหลงทาง

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

ปรากฏการณ์เช่นนี้จะเห็นง่ายและถี่ชุกในยามที่ราคาหุ้นย่ำแย่หรือผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดผู้บริหารมักจะสั่งการให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์หรือบริษัทประชาสัมพันธ์คัดสรรแต่ด้านบวกมากลบด้านลบ

จะบอกว่าเพื่อรักษาราคาหุ้นก็คงไม่ใช่แต่จะบอกว่าเป็นนิสัยหรือสันดานของผู้บริหารก็เกินไป

ธนาคารบางแห่งที่ยอดรวมกำไรสุทธิรายไตรมาสเทียบกับปีก่อนย่ำแย่มักจะงัดเอาเรื่องการเติบโตของรายได้จากค่าธรรมเนียมมากลบรายได้จากดอกเบี้ยและพยายามไม่พูดถึงปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพื่อจะบอกเพียงแค่ว่ากำลังจะดีขึ้นในไตรมาสถัดไป

บางบริษัทกำไรลดฮวบเกิน 50% ทั้งกำไรสุทธิและกำไรต่อหุ้นใช้วิธีเลี่ยงพูดถึงอนาคตที่คาดว่าจะดีขึ้นกว่าสองไตรมาสที่ผ่านมาเพราะปัจจัยบวกสารพัดทั้งด้านกติกาทำธุรกิจ หรือราคาขายผลิตภัณฑ์หรือบริการโดยเน้นว่ามาร์จิ้นธุรกิจดีขึ้นจะดันให้ดัน EBITDA เข้าเป้าที่ตั้งเอาไว้

บางบริษัทไตรมาสก่อนบอกว่าเหตุผลที่กำไรลดฮวบเพราะการรับรู้รายได้ที่ต้องบันทึกล่าช้าเพราะลูกค้าบางรายผิดนัดขอเลื่อน แต่มาถึงไตรมาสล่าสุดเกิดขาดทุนเฉยและไม่ยอมพูดถึงรายการที่ลูกค้าเบี้ยวหน้าตาเฉย

บางบริษัทที่รู้กันดีว่าเป็นนักเทกโอเวอร์กิจการมีข่าวต่อเนื่องทั้งเพิ่มทุนเอาไปซื้อกิจการกำไรเปราะบางมากแต่ราคาหุ้นหวือหวา สื่อและนักวิเคราะห์เกรงใจเน้นพูดเรื่องตั้งเป้าเติบโตของรายได้เป็นหลักทิ้งท้ายให้นักลงทุนเข้าใจตีความกันเองว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้กำไรเพิ่มเป็นเงาตามตัวโดยเลี่ยงไม่พูดถึงคุณภาพของกำไร

บางบริษัทที่มาร์จิ้นธุรกิจเบาบางมากเลือกใช้จังหวะเวลาและข่าวลือด้านวิศวกรรมการเงินมาดันราคาหุ้นจนราคาวิ่งเกิน 50% ในเวลาแสนสั้นทั้งที่อัตรากำไรสุทธิยังเปราะบางเหมือนเดิม

บางบริษัทโหนกระแสปัจจัยภายนอกเช่นจะได้ประโยชน์จากสงครามการค้าเพราะมีโรงงานหลายแห่งในต่างประเทศแต่พอผลประกอบการลดฮวบฮาบก็อ้างหน้าตาเฉยว่ารับผลกระทบเชิงลบสงครามการค้าทำให้การฟื้นตัวของธุรกิจต่ำกว่าคาด

บางบริษัทเน้นขยันออกข่าวรับงานใหม่ในอนาคตแต่ไม่ยอมบอกว่างานใหม่ที่ได้มานั้นมีความสามารถทำกำไรมากน้อยแค่ไหน

บางบริษัทก่อสร้างรับงานใหญ่ทั้งปีแต่ไม่เคยมีกำไรต่อเนื่องนานหลายปีแถมมีขาดทุนสะสมบานเบอะยังพูดถึงอนาคตสวยหรูได้

ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างพอสังเขปนี้อาจจะมองว่านักลงทุนต้องมีความรอบคอบเรียนรู้ป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงในการลงทุนแต่การปล่อยให้ผู้บริหารบริษัทนำเสนอข้อมูลที่ปรุงแต่งด้วยศิลปะแห่งการบิดเบือนจนเป็นกระบวนการ อันคุ้นเคย” ย่อมไม่ควรเพิกเฉย

เว้นเสียแต่จะถือว่าค่าโง่นั้นเป็นสัจธรรมในการลงทุนช่วยไม่ได้

ทั้งที่ความจริงแล้วจะช่วยก็ย่อมทำได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเท่าใด

Back to top button