สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ก.ย. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ก.ย. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐและจีนยืนยันที่จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,728.15 จุด พุ่งขึ้น 372.68 จุด หรือ +1.41% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,976.00 จุด เพิ่มขึ้น 38.22 จุด หรือ +1.30% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,116.83 จุด เพิ่มขึ้น 139.95 จุด หรือ +1.75%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มที่จะมีการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนอีกครั้งในเดือนต.ค. หลังจากที่จีนยืนยันเข้าร่วมเจรจาการค้ากับสหรัฐในเดือนหน้า

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.72% ปิดที่ 385.92 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่  5,593.37 จุด เพิ่มขึ้น 61.30 จุด หรือ +1.11%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,126.78 จุด เพิ่มขึ้น 101.74 จุด หรือ +0.85% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,271.17 จุด ลดลง 40.09 จุด หรือ -0.55%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง ขณะที่ความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ-จีนในเดือนหน้า ไม่สามารถช่วยหนุนตลาดให้ปิดในแดนบวกได้

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,271.17 จุด ลดลง 40.09 จุด หรือ -0.55%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 56.30 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 60.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและสัญญาณบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ได้ส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และแห่เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 34.9 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ 1,525.5 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 74 เซนต์ หรือ 3.79% ปิดที่ 18.807 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 20.5 ดอลลาร์ หรือ 2.08% ปิดที่ 963.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,561.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

เงินปอนด์ยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อังกฤษจะไม่เผชิญกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปบบไม่มีการทำข้อตกลง หรือ “no-deal Brexit” ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนและฟรังก์สวิส ขานรับข่าวจีนและสหรัฐได้ตกลงที่จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ในเดือนหน้า รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2323 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2212 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1036 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1032 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6816 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6798 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.95 เยน จากระดับ 106.40 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9868 ฟรังก์ จากระดับ 0.9802 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3234 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3219 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button