สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ก.ย. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ก.ย. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบหลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียนั้น ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่า เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้อาจส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,076.82 จุด ลดลง 142.70 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,997.96 จุด ลดลง 9.43 จุด หรือ -0.31% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,153.54 จุด ลดลง 23.17 จุด หรือ -0.28%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มสายการบินที่ร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งขึ้นรับข่าวการโจมตีโรงงานน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.58% ปิดที่ 389.53 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,602.23 จุด ลดลง 53.22 จุด หรือ -0.94%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,380.31 จุด ลดลง 88.22 จุด หรือ -0.71% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,321.41 จุด ลดลง 46.05 จุด หรือ -0.63%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และนักลงทุนยังกังวลกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นจากเหตุโจมตีดังกล่าว

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,321.41 จุด ลดลง 46.05 จุด หรือ -0.63%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 15% เมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันสองแห่งในซาอุดีอาระเบียส่งผลให้การผลิตน้ำมันในประเทศลดลงราวครึ่งหนึ่ง ขณะที่ตลาดกังวลว่า เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้อาจจะนำไปสู่การตอบโต้กันในตะวันออกกลาง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 8.05 ดอลลาร์ หรือ 14.7% ปิดที่ 62.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2531

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 8.80 ดอลลาร์ หรือ 14.6% ปิดที่ 69.02 ดอลลาร์/บาร์เรล  ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,511.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 45.7 เซนต์ หรือ 2.6% ปิดที่ 18.026 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 13 ดอลลาร์ หรือ 1.37% ปิดที่ 939.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.70 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,592.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่สูงเกินคาด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9923 ฟรังก์ จากระดับ 0.9910 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.05 เยน จากระดับ 108.13 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3240 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3281 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1006 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1069 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2424 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2479 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6868 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6881 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button