เคาะ 22 หุ้นเด่นลงทุนเดือนต.ค.เน้นกลุ่มท่องเที่ยว-บริโภคกำไรไตรมาส 3/62 โดดเด่น

เคาะ 22 หุ้นเด่นลงทุนเดือนต.ค.เน้นกลุ่มท่องเที่ยว-บริโภคกำไรไตรมาส 3/62 โดดเด่น


เข้าสู่การลงทุนเดือนตุลาคม ปี 2562 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนพร้อมปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนมานำเสนอ โดยอาศัยบทวิเคราะห์จาก 4 โบรกเกอร์ชั้นนำของไทยนำโดย บล.เคจีไอ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส,บล.กรุงศรี,และ บล.กสิกรไทย           

โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าการลงทุนในเดือนก.ย. มองตลาดหุ้นเดือน ต.ค. แกว่งในกรอบ 1620-1680 จุด โดยไฮไลต์ของการลงทุนเดือนนี้อยู่ที่การกลับมาเจรจากันอีกครั้งระหว่างสหรัฐ-จีนในวันที่ 10-11 ต.ค. แม้นักลงทุนจะพยายามคาดหวังในเชิงบวกแต่สถานการณ์ก็ยังน่าสับสนและคาดเดาไม่ได้ พร้อมเป็นปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นได้ตลอดเวลา

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้นการลงทุนเชื่อมโยงปัจจัยเศรษฐกิจโลก หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มการบริโภค รวมทั้งหุ้นที่แนวโน้มจะรายงานงบไตรมาส 3/2562 ออกมาโดดเด่น อย่างไรก็ตามหากตลาดมีการพักฐานให้ใช้เป็นจังหวะในการสะสมหุ้น อาทิ KCE,TOP,AOT,MINT,CPALL,CPN,BCH,ADVANC,ORI,CHG,ERW,DTAC,TRUE,PRM,BGC,TASCO, AP, SPALI,CPF,GFPT, JASIF และ TFFIF ซึ่งระบุไว้ในบทวิเคราะห์ดังนี้

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า พลิกมามองตลาดหุ้นไทยในเชิงบวกมากขึ้นในเดือน ต.ค. เนื่องจากคาดว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงอย่างใดอย่างหนึ่งได้ และช่วยลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ จากการที่ตลาดกังวลอย่างมากต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและสินทรัพย์เสี่ยงในปัจจุบัน คิดว่าแค่มีปัจจัยกระตุ้นด้านบวกในแง่เศรษฐกิจโลกเพียงเล็กน้อย (positive catalyst) ก็เพียงพอที่จะหนุนจิตวิทยาการลงทุนสู่สินทรัพย์เสี่ยง (risk-on mode) ได้

ด้วยมุมมองดังกล่าว จึงเพิ่มหุ้นตัวใหญ่เข้าไปพอร์ตหุ้นแนะนำสำหรับเดือน ต.ค. ซึ่งเน้นธีมการลงทุนเชื่อมโยงปัจจัยเศรษฐกิจโลก หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มการบริโภค รวมทั้งหุ้นที่แนวโน้มจะรายงานงบไตรมาส 3/2562 ออกมาโดดเด่น ทั้งนี้หุ้นเด่นเดือนนี้ได้แก่ KCE*, TOP*, AOT*, MINT*, CPALL*, CPN* และ BCH*

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองตลาดหุ้นเดือน ต.ค. แกว่งในกรอบ 1620-1680 จุด ไฮไลต์ของการลงทุนเดือนนี้อยู่ที่การกลับมาเจรจากันอีกครั้งระหว่างสหรัฐ-จีนในวันที่ 10-11 ต.ค. แม้นักลงทุนจะพยายามคาดหวังในเชิงบวกแต่สถานการณ์ก็ยังน่าสับสนและคาดเดาไม่ได้ พร้อมเป็นปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นได้ตลอดเวลา

แต่ในช่วงที่ผ่านมาเห็นว่า SET ที่ระดับ 1,620 จุด ซึ่งคิดเป็น PE ปี 2020 ที่ 15 เท่า รองรับความเสี่ยงต่างๆได้ค่อนข้างดี  ประกอบกับดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำทำให้หุ้น High dividend yield หรือ REIT ยังน่าสนใจ

ส่วนภาวะศก.ที่ชะลอทั้งโลกและไทยยังเป็นที่กังวลของนักลงทุน จึงคาดกรอบดัชนีด้านบน 1,680 จุด หุ้นที่ทนทานตลาดได้จึงยังเป็น Domestic plays ซึ่งเดือนนี้แนะนำ ADVANC, AOT, BCH, CPALL, ORI

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มเดือน ต.ค. คาด SET Index จะผันผวนในกรอบ 1,600-1,680 จุด เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาช่วยหนุน การ Preview งบ 3Q19 ภาพรวมยังไม่ดี แต่ราคาหุ้นและดัชนีได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยนี้ไปบ้างแล้วทำให้ Down side ค่อนข้างจำกัด และเชื่อว่าพัฒนาการทางบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐซึ่งจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 ต.ค.19 จะช่วยหนุนและประคองดัชนีเอาไว้

กลยุทธ์การลงทุนเดือน ต.ค.ยังเป็น Selective buy เน้นกลุ่มธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วง High season ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 คือ กลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มท่องเที่ยว Top pick เดือน ต.ค. AOT, BCH, CHG, ERW, และ MINT

 

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มุมองตลาดคาด คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,630-1,650 จุด เพื่อรอดูพัฒนาการสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ก่อนการเจรจาการค้าครั้งถัดไปเกิดขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค.

โดย KS ออกบทวิเคราะห์รายเดือนให้เป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 1,750 จุด และกรอบการเคลื่อนไหวเดือน ต.ค. ที่ 1,586-1,681 จุด มอง ธปท.มีโอกาสจะผ่อนปรนเกณฑ์ Macro Prudential ในส่วนของมาตรการ LTV ภาคอสังหาฯเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

ส่วนการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนมีโอกาสเห็นข้อตกลงการค้าแบบบางส่วน เพราะทรัมป์ต้องผ่อนสงครามการค้ากับจีนลงเพื่อรับมือกับการเมืองภายในสหรัฐฯที่ร้อนแรงขึ้น โดยหุ้นเด่นประจำเดือน ต.ค. ได้แก่ DTAC, TRUE, TOP, PRM, BGC, TASCO, AP, SPALI, CPF, GFPT, JASIF และ TFFIF

แต่ให้ระมัดระวังความผันผวนในเดือน ต.ค. จากประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน (10-11 ต.ค.) การยื่นถอดถอนทรัมป์ และการทำ preview กำไรไตรมาส3/62 ซึ่งมักต่ำคาด จากสถิติในอดีต VIX Index มักแกว่งขึ้นในเดือน ต.ค. เป็น 36% เทียบค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 3%

ขณะที่ SET Index มักแกว่งตัวผันผวนกว่า 6% (ประมาณ 100 จุด) ในเดือน ต.ค. เทียบค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 4% (ประมาณ 60 จุด) มองว่าหากตลาดมีการพักฐานให้ใช้เป็นจังหวะในการสะสมหุ้นที่บริเวณแนวรับ

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button